วันที่ 3 พ.ย. 2566 ที่ทําเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังประชุมแผนบูรณาการการท่องเที่ยว ในการเปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. นำร่อง จ.ภูเก็ต จ.เชียงใหม่ จ.ชลบุรี และ กทม. จะมีความชัดเจนเรื่องโซนนิงเมื่อไหร่ ว่า ตอนนี้มีรายละเอียดประเภทของสถานบริการ ทั้งสถานบริการที่ได้รับอนุญาต และอยู่ในโซนนิ่งอยู่แล้ว จะเปิดให้ถึง 04.00 น. ส่วนร้านอาหารที่คล้ายสถานบริการซึ่งมีเวลาปิด 24.00 น. ตรงนี้จะหาทางให้เปิดได้ถึง 02.00 น. เพื่อให้ทำมาหากิน แต่ขณะนี้กฎหมายอนุญาตให้ขายแอลกอฮอล์ได้ถึง 24.00 น. ตรงนี้จะพยายามให้นั่งสบายๆ ช่วง 24.00 น. ถึง 02.00 น. แต่ไม่สามารถเล่นดนตรีได้ เพียงแต่ขยายเวลาให้นั่งได้

สำหรับร้านที่ไม่มีใบอนุญาต แต่เปิดเกินเวลาก็จะเข้าลักษณะร้านอาหาร ถ้าไม่ขายแอลกอฮอล์ ไม่มีดนตรี จะเปิดถึงเช้าก็ไม่มีใครว่า แต่ถ้าขายแอลกอฮอล์จะได้ถึงแค่เที่ยงคืน ที่จะขยายเวลา เพราะเราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่เฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ ถ้าผู้ประกอบการสามารถขายอาหารเพิ่มได้ ก็จะมีการจ้างงาน ทำให้มีรายได้เพิ่ม ส่วนการจัดโซนนิงในพื้นที่ท่องเที่ยว นายกรัฐมนตรีระบุว่าต้องดู เพราะนักท่องเที่ยวกินข้าวเย็นกัน 22.00 น. ถ้าจำกัดเวลาแค่ 24.00 น. ก็สั่งอาหารได้น้อย หากขยายเวลาแล้วอยู่ในโซนนิง มีการควบคุมมีใบอนุญาตถูกต้องก็เปิดได้ อาจไม่ทั้งหมด เพราะมีกฎหมายกำกับไว้แต่พยายามจะคลายให้มากที่สุด

โดยกระทรวงมหาดไทยรับบัญชาจากนายกรัฐมนตรี และคุยกับตำรวจแล้ว จะทำร่างประกาศกระทรวงให้สอดคล้องกัน ซึ่งกฎกระทรวงต้องเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบ และประกาศลงราชกิจจานุเบกษาให้มีผลบังคับ อีกทั้งต่อไปกระทรวงมหาดไทยเตรียมเสนอออกเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ให้อำนาจผู้ว่าสามารถประกาศพื้นที่โซนนิ่งและเวลาเปิดปิด ซึ่งตนเห็นด้วยเพราะหากจะขอขยายเวลาปิดเปิดแล้วต้องไปถึงขั้นแก้กฎหมายจะทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวลำบาก

ส่วนกรณีที่มีเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอยู่ในสถานบันเทิงที่เปิดเกินเวลา ใน จ.เชียงใหม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย ถ้าเจ้าหน้าที่ของรัฐคนใดก็ตามถ้าไม่ได้เข้าไปเพื่อปฏิบัติงาน เช่นไปสืบ หรือหาข่าว ถ้าไปแบบเฮฮาก็ให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งอธิบดีกรมการปกครองก็ต้องดำเนินการ แต่ทั้งหมดต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเข้าไปทำอะไร ยืนยันว่า กฎหมายต้องเท่าเทียมกันทุกคนไม่ต้องกังวล

เมื่อถามว่า หากขยายเวลาเปิดสถานบันเทิง อำนาจในการตรวจสอบจะอยู่ที่ฝ่ายปกครองเป็นผู้เข้าไปดูแลใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ฝ่ายปกครองดูแล และเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ต้องดูแล แต่กรณีที่เกิดขึ้น ตนได้หารือกับผู้บังคับบัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อธิบดีกรมการปกครอง จะร่วมกันมีชุดเฉพาะกิจร่วมปฏิบัติงานด้วยกันทั่วประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหา เกิดการกลั่นแกล้งใคร หรือชิงกันทำงานเอาหน้าเอาตา เพื่อให้อีกฝ่ายเดือดร้อน ปัญหาจะได้หมดไป เพราะถึงอย่างไรต้องทำงานด้วยกัน และในระดับบนและผู้บริหารทุกคนมีความสัมพันธ์ที่ดีกันอย่างมาก และเมื่อพูดคุยกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้รับความร่วมมืออย่างดี ขณะที่กระทรวงมหาดไทยจะให้ความร่วมมือเต็มที่ จากนี้ไปผู้ว่าราชการจังหวัด และเจ้าหน้าที่ตำรวจจะประสานงาน เพื่อร่วมมือกันจัดระเบียบให้สังคมสงบเรียบร้อย