วันที่ 3 พ.ย.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับแนวทางในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ที่มีนายนิกร จำนง เป็นประธานอนุกรรมการฯ ได้รับฟังความคิดเห็นจากตัวแทนรัฐสภาจาก 2 กรรมาธิการ (กมธ.) คือ กมธ.การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ สว.เป็นประธาน เมื่อวันที่ 30 ต.ค. และ คณะกมธ.การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาน ที่มีนายพริษฐ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นประธาน เมื่อ 2 พ.ย.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการหารือดังกล่าว นอกจากการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการออกเสียงประชามติ เพื่อแก้รัฐธรรมนูญแล้ว ทางอนุกมธ.ได้นำเสนอร่างคำถามการรับฟังความคิดเห็นของสมาชิกรัฐสภาและตัวแทนประชาชนกลุ่มต่างๆ เกี่ยวกับแนวทางการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ใน 3 ประเด็นคำถาม ดังนี้

1.ท่านเห็นสมควรจะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 หรือไม่
2.ท่านต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 (1) ทั้งฉบับ โดยคงไว้ซึ่งหมวด1 บททั่วไป หมวด 2 พระมหากษัตริย์ (2) แก้ไขรายมาตรา
3.ในการจัดทำรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ ท่านเห็นสมควรจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)ขึ้นมาดำเนินการหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนั้นยังพบว่าอนุกรรการฯ ยังได้สอบถามถึงประเด็นจำนวนครั้งของการทำประชาติ ที่สามารถเกิดขึ้นได้ในกรณีต่างๆ ดังนี้
1.ออกเสียงประชามติ 1 ครั้ง ก่อนเริ่มแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ เพื่อให้สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 4/2564 ที่กำหนดว่าประชาชนเป็นผู้สถาปนารัฐธรรมนูญ
2.ออกเสียงประชามติ 1 ครั้ง กรณีแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 256 เพื่อกำหนดที่มาของ ส.ส.ร.
3.ออกเสียงประชามติ 1 ครั้ง เมื่อนัดทำร่างรัฐธรรมนูญแล้วเสร็จเพื่อให้ประชาชนเห็นชอบ ซึ่งก่อนที่นำนายกฯจะนำร่างรัฐธรรมนูญทูลเกล้าฯ

พร้อมกับตั้งคำถามว่า ในการจัดทำรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ ท่านเห็นสมควรจัดให้มีการออเสียงประชามติกี่ครั้ง คือ

1.1ครั้ง
2.2 ครั้ง
3.3ครั้ง
4.มากกว่า 3 ครั้ง

ทั้งนี้นายนิกร จำนง ประธานอนุกรรมการรับฟังความมเห็นฯ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า ทางอนุกรรมการฯจะส่งร่างคำถามประชามติไปยังสมาชิกรัฐสภา ซึ่งประกอบด้วยสว. และสส. ให้ตอบ ในช่วงที่มีการเปิดประชุมสภาฯ สมัยหน้าในเดือนธ.ค.นี้ โดยส่งเป็นรายบุคคลในวันที่มาประชุมสภาฯ จะฝากเจ้าหน้าที่ของสภาฯที่รับเซ็นชื่อเข้าร่วมประชุมแจกไปทีเดียว ทั้งนี้จะไม่ใช้วิธีส่งเป็นจดหมายไปที่บ้าน หรือที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน เนื่องจากกังวลว่าจะไม่กลับไปยังภูมิลำเนา