วันที่ 3 พ.ย.66 ที่นครศรีธรรมราช การติดตามคลี่คลายคดีขบวนการให้ความช่วยเหลือนายเชาวลิต หรือเสี่ยแป้ง นาโหนด นักโทษคดีอุกฉกรรจ์หลบหนีการควบคุมของเจ้าหน้าที่จากโรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช ในระหว่างถูกรักษาตัว ยังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง วานนี้ (2 พ.ย.66) ความคืบหน้าล่าสุดของคดีมีความชัดเจนในการแบ่งหน้าที่กันทำในการช่วยเหลือนายเชาวลิต มีความชัดเจนมากขึ้นจากการให้การและนำชี้ที่เกิดเหตุของนายสุธิวัส หรือหนอน อย่างละเอียดพร้อมทั้งการให้การเชื่อมโยงไปยังนายจีรวุฒิ หรือปอย หรือลูกวัว และนายจักรี หรือบิ๊ก ผู้เป็นกลไกสำคัญ แต่ทั้งคู่ไม่ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มากนัก รวมทั้งยังปกปิดข้อมูลบางอย่างแต่นายสุธิวัส หรือหนอนได้ให้การอย่างละเอียด โดยเที่ยงวันนี้นายสุธิวัส หรือหนอน จะถูกพนักงานสอบสวนคุมตัวไปขออำนาจศาลนครศรีธรรมราช ผลัดฟ้องฝากขังเป็นผลัดแรก
ขณะเดียวกันการออกหมายจับเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จำนวน 2 นาย คือนายวรินทร ทองประจง และนายเอกลักษณ์ ไชยภารณ์ สองเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในระหว่างช่วงเวลาที่นายเชาวลิต หลบหนี โดยศาลนครศรีธรรมราช ได้ออกหมายจับในช่วงค่ำของวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ในฐานความผิด ตามมาตรา 157 และเป็นเจ้าพนักงานผู้มีตำแหน่งหน้าที่ควบคุมผู้ต้องขังตามอำนาจศาลตั้งแต่ 15 ปี ขึ้นไป กระทำการใดๆให้ผู้อยู่ระหว่างการควบบคุมหลุดพ้นจากการคุมขังไป โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทั้ง 2 รายขณะนี้ต้องคำสั่งย้ายไปปฏิบัติหน้าที่ในกรมราชทัณฑ์ ได้ทราบความตามหมายจับแล้วและอยู่ระหว่างที่ผู้บังคับบัญชาประสานกับ พลตำรวจตรีสมชาย ซื่อต่อตระกูล ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช เพื่อประสานขั้นตอนนำทั้งสองคนมามอบตัวใน 1-2 วัน
ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานและเปิดเผยข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์รายหนึ่ง ซึ่งยังไม่ขอเปิดเผยตัวเองและยังไม่ให้สัมภาษณ์อย่างเป็นทางการ ระบุว่าการออกหมายจับทั้งสองรายเสมือนแพะรับบาป จริงๆแล้วไอ้โม่งตัวใหญ่อยู่เบื้องหลังและจัดวางให้ทั้งคู่จะต้องรับผิดชอบเหตุการณ์โดยหลีกเลี่ยงไปไหนไม่ได้ หรือเท่ากับฆ่าทั้งสองคนจากหน้าที่ราชการ ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ทุกฝ่ายทราบดีมาตั้งแต่แต่ต้นตั้งแต่คำให้การของประจักษ์พยานและเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้รายแรกคือ นางสาววิลาวัลย์ หรือไหม มีการเปลี่ยนเครื่องพันธนาการแบบหละหลวมให้กับนายเชาวลิตมาตั้งแต่ตอนกลางวันก่อนหน้าที่ทั้งคู่จะมารับช่วงต่อ
“แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่าคนที่เปลี่ยนเครื่องพันธนาการยังไม่ได้มีผลกระทบใดๆ เช่นเดียวกับคนที่สั่งการให้ทั้งคู่มารับหน้าที่เฉพาะกลางคืนไม่ได้มีผลใดๆเช่นกัน ต้องถามต่อว่าวานนี้เหตุใดเพิ่งส่งของกลางเป็นเครื่องพันธนาการที่เกิดเหตุ แม้แต่คนในเรือนจำหลายคน ยังไม่เชื่อว่าเครื่องพันธนาการเช่นนั้นเป็นชุดเดียวกันกับชุดที่เกิดเหตุเปลี่ยนช่วงแรก ต้องถามกันตรงๆว่าคนที่เปลี่ยนโซ่วันนั้นถูกเรียกสอบหรือยัง วงจรปิดในหอผู้ป่วยยิ่งชัดนั่นคือคำตอบในตัวเอง ผู้ที่เกี่ยวข้องหลักเรื่องนี้กำลังฆ่าเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยเพื่อปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัวใช่หรือไม่ อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าเบาใจเนื่องจากผู้บังคับบัญชาระดับกรมทราบดีว่าทั้งคู่ที่ถูกหมายจับมีพฤติกรรมอย่างไรทำให้สถานการณ์ดีขึ้นบ้าง และรู้ดีว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้”