ชายก่อเหตุใช้ปืนปลอม จี้ชิงทอง 1 บาท ร้านทองไทยสุวรรณ ย่านจอมทอง ก่อนถูกพลเมืองดีจับกุมตัวได้ใกล้ที่เกิดเหตุ (มีภาพวงจรปิด)

วันที่ 2 พฤศจิกายน 2566 เป็นภาพวงจรปิดเหตุการณ์ ภายในร้านค้าทองไทยสุวรรณ ตลาดสดจอมทอง ถนนจอมทอง เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร เมื่อประมาณบ่าย 3 โมง 48 นาที ของวันนี้ ขณะที่ชายคนหนึ่งค่อนข้างสูงอายุ สวมหน้ากากอนามัย เสื้อโปโลสีดำแถบลาย ทำทีเป็นลูกค้าเข้าไปขอดูแหวนทองและสร้อยคอทองคำภายในร้าน จังหวะที่พนักงาน กำลังอธิบายรายละเอียด คนร้ายได้ชักอาวุธปืนที่เหน็บไว้ตรงกางเกง ขึ้นมาข่มขู่ ทำให้พนักงานในร้านทองแยกย้ายกันหลบหนี ส่วนคนร้ายพยายามหาทางออกจากร้านไปได้จนสำเร็จ

จากนั้นได้วิ่งหลบหนีไป ทางซอยจอมทอง 16 ก่อนถูก นายณรินทร์ธร รัตน์วงศ์ไพศาล อายุ19 ปี พลเมืองดี เข้าล็อกตัวช่วยจับกุมคนร้ายได้ที่ หน้าทีทีแมนชั่น ก่อนที่ตำรวจจะมานำตัวกลับไปสอบสวน

นายณรินทร์ธร เล่าให้ฟังว่า ระหว่างที่ตนเองกำลังออกไปทำธุระ บังเอิญเห็นพนักงานร้านขายทองที่ ญาติตนเองเคยเป็นลูกค้า บอกว่ามีคนร้ายเข้าไปที่ชิงทองภายในร้าน ถึงอาสาออกช่วยติดตามหาตัวผู้ก่อเหตุ จากนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ถามวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง จนทราบว่าคนร้ายหนีเข้าไปในซอยจอมทอง 16 และไปพบตัวกำลังเดินอยู่บริเวณท้ายซอย จึงตัดสินใจขี่รถชาร์จ ก่อนถีบชายคนดังกล่าวจนล้มลง จับมือล็อคไว้ แล้วขอให้พลเมืองดีอีกคนนำเชือกมามัดพันธนาการ ทั้งนี้ยอมรับว่าก่อนจะมาช่วยไล่ตามจับกลุ่มคนร้าย พนักงานร้านทองได้บอกว่าอาวุธปืนที่คนร้ายใช้ก่อเหตุน่าจะเป็นปืนปลอม จึงกล้าลงมือช่วยจับกุม อีกทั้งตอนที่จับกุมได้ พลเมืองดีกี่คนก็ช่วยนำอาวุธปืนออกมาไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย ถึงไม่กังวลว่าจะเป็นอันตราย

ส่วนชายที่ก่อเหตุ ชื่อ นายหวังหวา อายุ 63 ปี ยอมรับว่าต้องการทองเพื่อนำไปขาย อยากหาเงินเป็นค่าเดินทางกลับเมืองกวางโจวประเทศจีน หลังมาทำงานอยู่ที่ย่านเยาวราช รับจ้างทั่วไป ได้ไม่ต่ำกว่า 2 ปี จึงวางแผนเดินทางด้วยรถเมล์ไปลงที่ย่านดาวคะนอง ก่อนเข้าไปก่อเหตุในร้านทอง ทั้งนี้ยืนยันไม่ได้ต้องการนำเงินไปหาซื้อยาเสพติดหรือติดเล่นการพนัน ส่วนอาวุธปืน หาซื้อจากย่านเยาวราชราคาไม่กี่ร้อยบาท

ขณะที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากมีพลเมืองดีเคยเห็นขี่จักรยานที่ย่านจอมทอง จึงเชื่อว่าไม่ใช่คนเร่ร่อน ทั้งนี้ ตำรวจได้เตรียมแจ้งข้อหาชิงทรัพย์ พร้อมกับพาตัวไปสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม

โดยเจ้าของร้านทองได้มอบเงินสด จำนวน 10,000 บาท ให้กับหนุ่มพลดี ที่ให้การช่วยเหลือ จับกุมคนร้ายและได้ทรัพย์สินคืน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ