กำลังซื้อแผ่ว "กกร."คงจีดีพีปี 66 โต 2.5-3% หั่นส่งออกใหม่จากเดิม -0.5 ถึง -2 % เป็น -1 ถึง -2% กังวลอิสราเอลขยายวงกว้าง นายแบงก์-ภาคอุตสาหกรรมระบุเงินดิจิทัล1หมื่น ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 1 พ.ย.66 นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะทำหน้าที่ประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) เปิดเผยว่า กกร.ประจำเดือนพ.ย. 66 ได้พิจารณาทิศทางเศรษฐกิจไทยปี 2566 โดยยังคงกรอบประมาณการการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(GDP)เติบโตได้ระดับ 2.5-3% คงอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.7-2.2% แต่ได้ปรับการส่งออกใหม่จากเดิม-0.5 ถึง -2 % เป็น -1 ถึง -2% เนื่องจากกำลังซื้อของครัวเรือนไทยเริ่มแผ่วลง ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มอยู่ที่ 28-29 ล้านคนน้อยกว่าประมาณการเดิมที่ 29-30 ล้านคน ขณะที่สงครามอิสราเอล-ปาเลสไตน์มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกเผชิญความไม่แน่นอนซึ่งอาจกระทบต่อการส่งออกในระยะข้างหน้า
ด้าน นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า กกร.สนับสนุนเงินดิทัลหมื่นบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ในรายละเอียดโดยเฉพาะวงเงินที่จะได้มาคงเป็นหน้าที่รัฐบาลที่จะต้องทำความเข้าใจ โดยเห็นด้วยที่จะเร่งออกมาในช่วงต้นปีนี้และเริ่มใช้ได้ในเดือนเม.ย. ส่วนแนวทางอยากให้ใช้กระเป๋าตังเพื่อต่อยอดการพัฒนาที่นอกจากจะลดต้นทุนแล้วยังจะสามารถทำได้รวดเร็วเพราะมีระบบเดิมรองรับอยู่แล้ว
ขอบคุณรัฐบาลที่ได้พิจารณาลดค่าครองชีพประชาชนด้วยการปรับลดค่าไฟฟ้าและน้ำมัน แต่ต้องการเห็นความยั่งยืนที่จะทำให้เกิดการแข่งขันของประเทศที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้านเช่น ค่าไฟอินโดนีเซียอยู่ที่ 2.30 บาทต่อหน่วย เวียดนาม 2.70 บาทต่อหน่วยไทยอยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย ดังนั้นจึงควรปรับมาอยู่ในอัตราที่ใกล้กับเพื่อนบ้าน
ขณะที่ นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย ในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า เงินดิจิทัลหมื่นบาทนั้น กกร.สนับสนุนที่ให้การดำเนินงานได้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการมุ่งเน้นการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพื่อความยั่งยืน