วันที่ 1 พ.ย. 2566 "นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงาน "The Roads and Traffic Expo Thailand 2023" พร้อมด้วย นางสาวณภัทรา กมลรักษา ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายมนตรี เดชาสกุลสม ผู้ตรวจราชการกรระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนรองปลัดกระทรวงคมนาคม โดยมี Mr. Paul Clark กรรมการผู้จัดการประจำภาคพื้นเอเชีย บริษัท เทอราพิน พีทีอี จำกัด ให้การต้อนรับ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค กรุงเทพฯ   

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม กล่าวว่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศไทยกระทรวงคมนาคมได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580) เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ โดยมุ่งพัฒนาระบบคมนาคมให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีประสิทธิภาพ เป็นระบบการขนส่งที่เข้าถึงได้อย่างเสมอภาคและเท่าเทียม รวมทั้งผสานการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีและให้การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานครอบคลุมการคมนาคมในทุกมิติ ทั้งทางถนน ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ

สำหรับการขนส่งทางถนน เป็นรูปแบบการขนส่งที่รองรับการขนส่งสินค้าจากผู้ส่งที่จุดต้นทางไปยังผู้รับที่จุดปลายทางอย่างมีประสิทธิภาพ ในลักษณะ Door-to-Door ทำให้การขนส่งทางถนนในประเทศไทยมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับประชาชนและระบบห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า ประเทศไทยโดยเฉพาะเมืองใหญ่ประสบปัญหาความต้องการการเดินทางที่สูงขึ้น การจราจรเริ่มติดขัด กระทรวงฯ จึงได้ดำเนินการพัฒนาทางพิเศษและมอเตอร์เวย์ เพื่อลดปัญหาจราจรและรองรับปริมาณการจราจรที่เพิ่มขึ้น พร้อมทั้งพัฒนาระบบการจัดการจราจรด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น การใช้ระบบ M-Flow ซึ่งเป็นระบบจัดเก็บค่าผ่านทางอัตโนมัติแบบไม่มีไม้กั้น เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดบริเวณด่านเก็บเงิน รวมถึงการนำเทคโนโลยี AI ซึ่งใช้ข้อมูลจาก CCTV และ GPS มาประมวลผล เพื่อประเมินสภาพการจราจรแบบนาทีต่อนาที ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถระบุวิธีการบริหารจัดการด้านจราจรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้เพื่อส่งเสริมการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ กระทรวงฯ ได้ศึกษาโครงการ MR-MAP ซึ่งบูรณาการการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง และการพัฒนาระบบรางในแนวเส้นทางใหม่ มีวัตถุประสงค์เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศ และเชื่อมโยงประเทศไทยกับประเทศในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย 

สำหรับการจัดงานฯ ในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีในการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเทคโนโลยีที่ทันสมัยเกี่ยวกับการบริหารจัดการการเดินทางทางถนนและการจราจร เพื่อร่วมกันพัฒนาระบบการขนส่งให้มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และยั่งยืนต่อไป