พ่อวัย 63 ชาว อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ หลั่งน้ำตาวอนรัฐบาลเร่งช่วยเหลือลูกชายถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกัน ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.ที่เกิดเหตุสู้รบวันแรก ยังไม่รู้ชะตากรรม  แต่ตราบใดที่ยังไม่มีรายชื่อเป็นผู้เสียชีวิตก็ยังมีหวังว่าลูกยังมีชีวิต และหากรอดกลับมาจะให้บวชสะเดาะเคราะห์  พร้อมเผยคลิปที่ลูกไลฟ์สดครั้งสุดท้ายก่อนถูกจับ  ส่วนลูกชายคนโตที่ทำงานอยู่ทางตอนเหนืออิสราเอลปลอดภัยดี   
             

(1 พ.ย.66)  นายวิราศ   แทนนา   อายุ 63 ปี ชาวตำบลบ้านคู  อ.นาโพธิ์  จ.บุรีรัมย์   ซึ่งเป็นพ่อของนายพงษ์ศักดิ์  แทนนา  อายุ 35 ปี  หนึ่งในแรงงานไทยที่ทำงานอยู่อิสราเอล และถูกกลุ่มฮามาสจับเป็นตัวประกัน ขณะที่มีการสู้รบกันระหว่างฮามาสกับกองกำลังอิสราเอล  ได้ออกมาวิงวอนทั้งน้ำตาขอให้รัฐบาลไทยเร่งเจรจาช่วยเหลือแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน  โดยลูกชายซึ่งทำงานอยู่ทางตอนใต้ของอิสราเอลได้ถูกกองกำลังฮามาสจับไปเป็นตัวประกัน ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.66 ที่เกิดเหตุสู้รบวันแรก  ไม่สามารถติดต่อได้จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าเป็นยังไง   จึงอยากให้รัฐบาลเร่งหาแนวทางช่วยเหลือแรงงานไทยทุกคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันให้กลับบ้านอย่างปลอดภัย    ส่วนตัวยังมีความหวังว่านายพงษ์ศักดิ์  ลูกชายคนกลางที่ถูกจับตัวไปจะยังมีชีวิตอยู่   เพราะยังไม่มีรายชื่อยืนยันว่าเป็นผู้เสียชีวิต   ก็ภาวนาขอให้ลูกปลอดภัย    
 

   ทั้งนี้ พ่อยังได้ให้ดูคลิปที่ลูกชายไลฟ์สดขณะทำงานเมื่อวันที่ 6 ต.ค. และคลิปไลฟ์สดวันสุดท้ายคือวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งยังมีเสียงปืน ระเบิดเป็นระยะๆ    ก่อนที่จะถูกจับไปเป็นตัวประกันและไม่สามารถติดต่อได้อีก               

ส่วนนายภูวนัย   อายุ 42 ปี  ลูกชายคนโต ซึ่งทำงานอยู่ทางตอนเหนือของอิสราเอลปลอดภัยดี  และยังทำงานปกติ 
       

นายวิราศ   ผู้เป็นพ่อ  ยังกล่าวทั้งน้ำตาว่า   ตนมีลูกชายทั้งหมด 3 คน  ลูกชายคนโต  และคนกลาง ไปทำงานที่อิสราเอล  เพื่อหาเงินมาสร้างตัวและเลี้ยงดูครอบครัว    โดยคนโตทำงานได้ 5 ปีกว่า  ส่วนลูกชายคนกลางทำงานได้ 6 ปี 8 เดือน  แต่นายจ้างยังให้ทำงานต่อ    ตอนที่เกิดเหตุสู้รบก็ติดต่อข่าวสารตลอด แต่ไม่สามารถติดต่อลูกชายได้ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.ที่เกิดเหตุวันแรก   กระทั่งวันที่ 10 ต.ค. เพื่อนที่ทำงานอิสราเอลด้วยกัน ให้ข้อมูลว่าลูกชายของตนถูกจับเป็นตัวประกันพร้อม หน.งานและเพื่อนคนงานด้วยกันรวม 3 คน  ก็เป็นห่วงลูกชายมากแต่ไม่รู้จะทำยังไงได้แต่ติดตามข่าวผ่านสื่อและภาวนาขอให้ลูกปลอดภัย   และตราบใดที่ยังไม่มีรายชื่อยืนยันว่าลูกเสียชีวิต  ตนก็ยังหวังว่าลูกยังปลอดภัย  ก็อยากให้ตัวแทนรัฐบาลที่ไปเจรจาช่วยเหลือตัวประกัน   เจรจาช่วยเหลือได้สำเร็จและพาแรงงานทุกคนกลับบ้านอย่างปลอดภัยด้วย   
     

ซึ่งหากลูกชายรอดชีวิตกลับมาก็ตั้งใจว่าจะให้บวชสะเดาะเคราะห์ และถือโอกาสบวชให้แม่ที่เสียชีวิตไปเมื่อปีที่ผ่านมาด้วย   เพราะตอนที่เมียเสียชีวิตลูกชายไม่ได้มางานศพได้แต่วีดีโอคอลคุยกันก่อนแม่จะสิ้นใจเท่านั้น