วันที่ 31 ต.ค.66 เวลา 13.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ที่ สำนักงานทนายความคู่ใจ ถ.แจ้งวัฒนะ ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี น.ส.น้ำฝน (นามสมมุติ) อาชีพ นักรีวิวสินค้า ผู้เสียหาย ชาวจังหวัดเชียงใหม่ อายุ 28 ปี  เดินทางนำเอกสารหลักฐานเข้าร้องเรียนกับนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังถูกเน็ตไอดอลดังชื่อ ใบเฟิร์น คนดังโปรไฟล์ดีมีผู้ติดตามมากถึง 130,000 คน เคย ร้องเพลงในรายการดั ได้หลอกเชิญชวนลงทุนเปิดร้านทำเล็บ มีการเสนอแพ็คเก็ตโปรโมชั่นเสนอได้เงินปันผลตอบแทน 4% ต่อเดือน ของยอดเงินที่ลงทุน  จึงตัดสินใจทำสัญญาผ่านทางออนไลน์ในวันที่ 1 ก.พ.66 ก่อนลงทุนไป 200,000 บาท  จนกระทั่งถึงวันครบกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 30 เม.ย.66 กลับถูกบ่ายเบี่ยงไม่ตอบข้อความ อ้างว่าติดถ่ายงานรายการ สุดท้ายเชิดเงิน 200,000 บาท หนี ก่อนโพสต์เฟซบุ๊กใช้ชีวิตกินหรูอยู่สบาย ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.สันกำแพง ได้ขอศาลจังหวัดเชียงใหม่อนุมัติออกหมายจับในคดี ฉ้อโกงประชาชน ลงวันที่ 5 ต.ค.66 แต่คดีไม่มีความคืบหน้าจึงร้องขอความเป็นธรรม 

น.ส.น้ำฝน (นามสมมุติ) กล่าวว่า  ตนรู้จักกับทางด้านน.ส.ใบเฟิร์น ผู้ต้องหา ผ่านทางเฟซบุ๊กหลังจากมีการโพสต์โฆษณาเกี่ยวกับการลงทุนร้านทำเล็บ มีการเสนอโปรโมชั่นได้เงินปันผลจำนวน 4% ของยอดเงินที่ลงทุนทั้งหมด ทางตนก็ได้ดูและตรวจสอบโปรไฟล์เฟซบุ๊กและไอจี ก็พบว่าเป็นเน็ตไอดอลชื่อดังคนติดตามมากถึง 1 แสนกว่าคน มีการออกรายการทีวีหลายรายการ จึงทำให้ตนเชื่อและมั่นใจว่าไม่ใช่มิจฉาชีพแน่นอน จึงมีการทักไปทางเฟซบุ๊กตกลงที่จะลงทุนในยอด 200,000 บาท ซึ่งมีการทำสัญญาผ่านช่องทางออนไลน์ในวันที่ 1 ก.พ.66 ตนได้โอนเงินเข้าไปในบัญชีของทางผู้ต้องหา ซึ่งจะต้องทิ้งเงินไว้ในบัญชีเขาไว้ 3 เดือน โดยที่ตนไม่ได้อะไร แล้วจะได้เงินปันผลรอบแรกในวันที่ 30 เม.ย.66

แต่กลับถูกอ้างบ่ายเบี่ยงไม่ยอมให้เงินจึงเห็นท่าไม่ดีได้ทำหนังสือยกเลิกสัญญาในวันที่ 2 พ.ค.66 ซึ่งทางผู้ต้องหาก็อ้างอีกว่าจะได้รับเงินคืนภายใน 30-40 วัน แต่ครบกำหนดก็บ่ายเบี่ยงอีกจนกระทั่งวันที่ 13 มิ.ย.66 ได้มีการเจรจากันอีกครั้งโดยมีการทำสัญญาใช้เงินคืนขึ้นมาใหม่อีก 1 ฉบับ โดยจะแบ่ง เป็นเงินต้นและดอกประมาณ 75,000 บาท แบ่งจ่าย 3 เดือน โดยจะคืนรอบแรกวันที่ 30 มิ.ย.66 แต่พอถึงเวลาก็ถูกบ่ายเบี่ยงอ้างต่างๆนาๆเหมือนเดิมจึงไปแจ้งความที่สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ 

น.ส.ฝน (นามสมมุติ) กล่าวทั้งน้ำตาอยู่ว่า ตอนนี้ทราบว่าผู้เสียหายที่ถูกเฟิร์นคนดังฉ้อโกงไปมีประมาณ 30 คน มูลค่าความเสียหาย เสียหายกว่า 10 ล้านบาท ตอนนี้ตนได้รับความเดือนร้อนจากเงินที่ลงทุนเพื่อที่จะเปิดร้านทำเล็บ ซึ่งเป็นความฝันของตนไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ตนได้มีการศึกษาและไปเรียนทำเล็บเตรียมความพร้อมมาเต็มที่เพื่อจะเปิดร้านทำเล็บ แต่ถูกโกงแบบนี้ทำให้ตอนนี้ต้องหยุดทำต่อเพราะไม่มีเงินมาหมุนลงทุน ตอนนี้ความรู้สึกแย่ไปหมดเสียเวลามาเดินเรื่องค่าเดินทางที่ไปดำเนินกทรแจ้งความ จ้างทนาย ตนเสียเงินค่าใช้จ่ายไปแล้วกว่า 45,000 บาท

ซึ่งตอนนี้ตนขอยกมือไหว้กับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เห็นความสำคัญช่วยตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เนื่องจากตนเห็นผู้ต้องหายังใช้ชีวิตสุขสบายกินเที่ยวกลางคืนไม่เกรงกลัวทั้งที่ตัวเองมีหมายจับ แถมยังมีการขมขู่ตนอีกว่า ห้ามเอาเรื่องนี้ไปโพสต์หรือพูดให้ใครฟัง เพราะจะดำเนินคดีตนในข้อหาหมิ่นประมาท ตนจึงเครียดและกังไม่กล้าที่จะพูดเรื่องนี้กับใคร วันนี้จึงมาร้องขอความเป็นธรรมกับทนายรณณรงค์ให้ช่วยเหลือติดตามความคืบหน้าคดีเพราะมีการออกหมายจับแล้วแต่ตำรวจยังจับคนร้ายไม่ได้

ด้านนายรณรงค์ กล่าวว่า  กรณีนี้มีการชักชวนไปลงทุนไม่ได้ต่างจากตามโซเชียล ร้านที่ลงทุนไม่ได้มีอยู่จริง ใครก็ตามเห็นคนเด่นคนดังมาชักชวนลงทุนแล้วเห็นกำไรเกินร้อยละ 15 ต่อปี ขนาดแบงค์ยังให้ไม่ถึง 5% อันนี้ให้ตั้ง 48% คงต้องคิดวิเคราะห์ให้ดีว่าเขาจะได้กำไรมาจากไหน เพราะฉะนั้นการลงทุนทุกการลงทุนมีความเสี่ยงทั้งหมด เมื่อโดนหลอกแล้วให้ไปแจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดี กรณีนี้ไม่ใช่คดีแพ่งเป็นคดีอาญาเรื่องของพ.ร.ก.การกู้ยืมเงินอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน เป็นการเอาเงินของคนลงทุนมาจ่ายคนลงทุน ไม่ได้ไปทำร้านแล้วมีกำไรมาจ่ายคนลงทุน แต่อันนี้ไม่ได้ลงทุนอะไรเลยแล้วเอาเงินของคนลงทุนมาจ่ายซึ่งมีความผิด สุดท้ายอยากจะเตือนชาวบ้านว่าหากมีการเชิญชวนให้ลงทุนไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่มีกำไรมากถึงร้อยละ 15 ต่อปี มากกว่าอัตราดอกเบี้ยที่กฎหมายกำหนด ให้ระวังการถูกโกงให้ดีๆ ควรเตือนสติ ศึกษาให้ดีๆก่อน อย่าหลงเชื่อเพียงแค่มีโปรไฟล์ดีมียอดติดตามเยอะ  หรือไปออกรายการดังทีวีต่างๆ