เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 31 ต.ค. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ในที่ประชุมครม.ได้มีการพูดคุยกันถึงการช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล โดยมีรายงานจากฝ่ายความมั่นคง และสถานทูตไทยประจำอิสราเอล ทราบว่าการต่อสู้ไม่ได้เบาบางลงไป แต่กลับทวีความเข้มข้นขึ้น และมีการปฏิบัติภาคพื้นดินอย่างต่อเนื่อง ความอันตรายยังมีอยู่มาก เรายืนยันอยากให้พี่น้องคนไทยกลับมา ซึ่งต้องมีการปฏิบัติการเชิงรุก เพราะรู้ว่าการที่พี่น้องไม่กลับมาเพราะเป็นเรื่องการเงิน ซึ่งตนเคยเรียนไปแล้วคราวๆ โดยจะให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แถลงรายละเอียดว่า เรามีมาตรการช่วยเหลืออย่างไร โดยหลักๆมี 2 เรี่อง คือ แรงงานที่กลับมาแล้ว ที่กำลังจะกลับมา และที่จะกลับมาในอนาคต จะได้เงินชดเชยคนละ 5 หมื่นบาท ตรงนี้ได้แน่ๆ และจะได้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะยาว คนละไม่เกิน 150,000 บาท เผื่อใครที่ไปกู้มาและต้องทำงานผ่อนใช้ 

นายกฯ กล่าวอีกว่า นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมตรีและรมว.ต่างประเทศ ได้ลาการประชุมครม.เพื่อเดินทางไปรัฐกาตาร์และสาธารณรัฐอาหรับอียิปต์ โดยรับทราบข้อมูลจากทุกฝ่ายที่ได้ให้ความอนุเคราะห์ช่วยเหลือเจรจากับกลุ่มชนที่จับคนไทยเป็นตัวประกัน ไม่ว่าจะเป็นการประสานจากนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้บัญชาการทหารสูงสูง หรือหน่วยงานอื่นๆ ตนคิดว่า เพื่อเป็นการลดความสับสน ตรงนี่นายปานปรีย์ได้บินไปเจรจาที่หน้างานด้วยตัวเอง ก็จะช่วยเหลือได้มาก 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีเที่ยวบินกลับมาจากอิสราเอลอีกหรือไม่วันนี้ นายกฯ กล่าวว่า ตนจำเที่ยวบินไม่ได้จริง แต่ทุกวันนี้พยายามนำกลับมาให้ได้เยอะที่สุด ช่วยเหลือกันได้ก็พยายามช่วยเผยแพร่ข่าวด้วย เพื่อให้พี่น้องคนไทยกลับมา