นครพนม ทุ่มทุนหลักล้านรับรางวัลหลักหมื่น สุดเจ๋ง เรือไฟจาก อ.โพนสวรรค์ คว้ารางวัลชนะเลิศประเภทความสวยงาม ทุ่มทุนนับล้านบาท ได้รางวัลแค่หลักหมื่น ไม่เน้นรางวัลแค่ 8 หมื่นบาท ตั้งเป้าส่งเสริมการท่องเที่ยว เน้นคุณค่าทางจิตใจ ส่วนเรือไฟชาว อ.ปลาปาก คว้ารางวัลชนะเลิศ ประเภทความคิดสร้างสรรค์ ด้านตัวแทนศิลปินเรือไฟ ตัวแทนชาวบ้าน วอนจัดงบประมาณสนับสนุนเพิ่ม เสนอแก้ปัญหาเปิดช่องนายทุน ผูกขาด แสวงประโยชน์เข้ากระเป๋าส่วนตัวจากงานไหลเรือไฟ

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ความคืบหน้าผลการประกวดไหลเรือไฟ ในงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟประจำปี 2566 โดยมีตัว ทนศิลปินเรือไฟจากทั้ง 12 อำเภอ ส่งเข้าประกวด รวม 12 ลำ บางลำมูลค่าก่อสร้างตั้งแต่ 5 แสนบาท ถึง 1 ล้านบาท ส่วนผลการประกวดเรือไฟ  พบว่า เรือไฟของศิลปินเรือไฟ อ.โพนสวรรค์ ได้รับรางวัลชนะเลิศ ประเภทความสวยงาม ความยาวประมาณ 79 เมตร ความสูง 25 เมตร ใช้โครงสร้างไม้ไผ่กว่า 2,000 ลำ ประดับด้วยตะเกียงเรือไฟโบราณ มากกว่า 22,000 บาท ลวดลายออกแบบเน้น ภาพสัญลักษณ์ สื่อความหมายสถานที่สำคัญของ จ.นครพนม รวมถึงสถาบันชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ รวมมูลค่าจัดสร้างนับล้านบาท แต่ชาวบ้านไม่ได้คำนึงถึงรางวัล เพราะได้รับรางวัลเงินสดจาก จ.นครพนม รวม 80,000 บาท แต่เน้นการสืบสานประเพณี ส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นหลัก เนื่องจากแรงงานศิลปินเรือไฟ ไม่มีค่าจ้างรางวัล เน้นความสามัคคี สืบสานประเพณีเป็นหลัก พร้อมได้รับงบประมาณสนับสนุนจากทางจังหวัดนครพนม แค่บางส่วน

นอกจากนี้ในส่วนของ เรือไฟจากศิลปิน เรือไฟ ชาว อ.ปลาปาก จ.นครพนม ได้รับรางวัลชนะเลิศประเภทความคิดสร้างสรรค์ ความยาว 63 เมตร สูง 21 เมตร โครงสร้างไม้ไผ่ กว่า 2,000 ลำ ประดับตกแต่งด้วยตะเกียงไฟโบราณ มากกว่า 12,000 ดวง ใช้งบประมาณสร้างกว่า 5 แสนบาท ไม่รวมค่าจ้างแรงงาน ส่วนสัญลักษณ์ลวดลาย เน้นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญของ จ.นครพนม ฐานเรือเป็นรูปเรือสุพรรณหงส์ มีฝีพายเคลื่อนไหวได้ ถือเป็นจุดเด่น ของเรือไฟ สร้างความตื่นตาให้กับประชาชน นักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก

ขณะเดียวกันได้มีตัวแทนของศิลปินเรือไฟ ออกมาแสดงความคิดเห็น เรียกร้องให้ภาครัฐ รวมถึงจังหวัดนครพนม มีการสนับสนันงบประมาณมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันมีการสนับสนุน การก่อสร้างเรือไฟแค่ ลำละประมาณ 1.1 แสนบาท นอกนั้นมาจากงบประมาณสนับสนุนของ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทั้ง 12 อำเภอ ประมาณแห่งละ 50,000 - 70,000 บาท  หากค่าใช้จ่ายที่ไม่เพียงพอ จะมาจากการสนับสนุนของภาคประชาชน รวมถึงพลังศรัทธาที่ให้การสนับสนุน อีกทั้งเรียกร้องให้แก้ไขปัญหา เปิดช่องว่างให้นายทุนผูกขาด ฉวยโอกาสเช่าพื้นที่จัดงาน รวมถึงขายสินค้าแผงลอย และจัดงานพาแพง ขายโต๊ะจีน นำเงินเข้ากระเป๋าส่วนตัว แทนที่จะนำเงินไปสนับสนุนการทำเรือไฟ ของชาวบ้านศิลปินเรือไฟ และให้เกิดความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ ป้องกันการผูกขาดของนายทุน ที่แสวงประโยชน์จากการจัดงาน แต่ทิ้งภาระความรับผิดชอบให้ประชาชน