หลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง “คนทำงานไว” ออกโรงสั่งการและเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแบบเบ็ดเสร็จด้วยตัวเอง เพื่อกระตุ้นข้าราชการในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกรมศุลกากร กรมปศุสัตว์ กรมการค้าภายใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ให้มีการเร่งรัดการจับกุมและดำเนินคดีกับผู้ทำผิดกฎหมายลักลอบนำเข้า “หมูเถื่อน” ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญกัดเซาะความเจริญก้าวหน้าและตัดรายได้ของผู้เลี้ยงหมูไทยจนต้องขาดทุนนานกว่า 6 เดือน ที่สำคัญยังเป็นต้นเหตุการเสียชีวิตของข้าราชการไทย จากการขอเข้าตรวจค้นห้องเย็นผิดกฎหมาย
แม้รัฐบาลชุดนี้เพิ่งจะทำงานครบ 2 เดือน ไปเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม ที่ผ่านมาก็ตาม แต่การสอบสวน “หมูเถื่อน” กลับเดินหน้าไปไกลและรวดเร็วเกินความคาดหมายมากเมื่อเทียบกับความล่าช้าช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ที่จับมือใครดมไม่ได้ ผู้ร้ายและหัวหน้าขบวนการที่อยู่เบื้องหลังยังอยู่ในที่มืด มาวันนี้หลังคำสั่งสายฟ้าฟาดเพียงสัปดาห์เดียว ผู้ต้องหาเข้ามอบตัวตามหมายศาลและจับกุมล็อตแรกได้แล้วทั้งหมดรวม 6 คน ตามที่ DSI ชี้เป้า จากผลการสอบสวนและติดตามอย่างจริงจังตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 ที่สำคัญช่วยให้สุกรมีชีวิตปรับราคาขึ้นทันทีหลังศาลออกหมายจับผู้ต้องหา เพื่อดึงราคาขึ้นจากเหว
สัปดาห์ที่ผ่านมา สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติร่วมกับเกษตรกรผู้เลี้ยงฯ ทั่วประเทศขยับราคาแนะนำสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มขึ้นราคา 4 บาทต่อกิโลกรัม เป็นการกระตุกห่วงโซ่ราคาทั้งหมูมีชีวิตและเนื้อหมูชิ้นส่วนต่างๆ โดยกรมการค้าภายในประกาศปรับราคาให้สอดคล้องกับสมาคมฯ ทำให้ราคาแนะนำของภาครัฐเพิ่มขึ้นจาก 58.50 บาท เป็น 62.50 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ชื้นส่วนต่างๆ ปรับขึ้นเฉลี่ย 6 บาทต่อกิโลกรัม นับว่าช่วยต่อลมหายใจให้ผู้เลี้ยงหมู
ราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มตกต่ำต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปี 2565 จาก 100 บาทต่อกิโลกรัม จนถึงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาดิ่งไปที่ประมาณ 50 กว่าบาทต่อกิโลกรัม แต่เกษตรกรขายได้จริงต่ำกว่า 50 บาท ขณะที่ต้นทุนการผลิตเฉลี่ยของสมาคมผู้ลี้ยงสุกรแห่งชาติอยู่ที่ 80.79 บาทต่อกิโลกรัม เห็นได้ชัดว่าเกษตรกรขาดทุนเฉลี่ย 30 บาทต่อกิโลกรัม และขาดทุนนานเกินกว่า 6 เดือน ทำให้ต้องแบกภาระขาดทุนสะสม ขาดเงินทุนหมุนเวียนในการบริหารจัดการฟาร์มรอบต่อๆ ไป ขณะที่อุปสรรคจากวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ปรับสูงขึ้นมากกว่า 30% ตั้งแต่ปี 2564 จากปัจจัยภัยธรรมชาติ ตลอดจนสงครามรัสเซีย-ยูเครน ยืดเยื้อ มาจนถึงสงครามที่ฉนวนกาซาขณะนี้ ทำให้ต้นทุนการผลิตสำคัญด้านพลังงานและธัญพืชสูงขึ้นต่อเนื่องที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
ผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศฝากความหวังไว้กับรัฐบาล “เศรษฐา 1” ในการกำหนดนโยบายและมาตรการช่วยเหลือ เพื่อยกระดับราคาทั้งสุกรมีชีวิตและชิ้นส่วนเนื้อสุกรไปสู่ในจุดที่เป็นธรรมกับทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค ให้ขายได้ไม่ต่ำกว่าต้นทุนการผลิต มีรายได้พอเลี้ยงกิจการและครอบครัวได้โดยไม่ต้องเป็นหนี้เป็นสิน ขณะที่ผู้บริโภคได้รับเนื้อหมูปลอดภัยจากสารตกค้าง สารเร่งเนื้อแดง และโรคระบาด ส่งเสริมสุขภาพที่และมีอาหารเพียงพอต่อความต้องการ อย่างไรก็ตาม ราคาที่ปรับสูงขึ้นเพียง 4 บาทต่อกิโลกรัมนั้น ยังมีแนวโน้มที่จะขยับขึ้นได้อีกเพื่อชดเชยส่วนที่เกษตรกรขาดทุนมานาน โดยเฉพาะช่วงหลังเทศกาลกินเจ ควรร่วมมือกันส่งเสริมการบริโภคเนื้อหมู กระตุ้นกำลังซื้อ เพิ่มการบริโภคให้ราคากลับสู่ภาวะที่เหมาะสม เพื่อการผลิตอย่างยั่งยืน
โดย: ศิระ มุ่งมะโน นักวิชาการอิสระ
