# นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีออกเดินทางจากท่าอากาศยานอุดรธานี ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติวัดไต นครหลวงเวียงจันทน์ จากนั้นได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศ สปป.ลาวและเลขาธิการใหญ่คณะบริหารงานศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว และได้พบปะหารือกับ นายไซสมพอน พมวิหาน ประธานสภาแห่งชาติ สปป. ลาว  ณ สภาแห่งชาติสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตามลำดับ

โดยประธานประเทศ สปป.ลาว แสดงความยินดีที่ได้ต้อนรับนายกฯ ในการเยือนอย่างเป็นทางการ พร้อมชื่นชมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ลาว ที่มีความร่วมมืออย่างแนบแน่นใกล้ชิด ซึ่งมั่นใจว่าความร่วมมือที่ได้คุยกันในวันนี้จะก้าวหน้าเป็นโอกาสให้ได้พัฒนา เพื่อประโยชน์แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ

#  นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงแนวทางการขยายเวลาการเปิดสถานบริการในพื้นที่ท่องเที่ยวในบางพื้นที่ เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายในช่วงฤดูการท่องเที่ยว​ ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 ต.ค.66 ว่า​ ต้องไปรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนในพื้นที่ที่เรากำหนด

โดยได้กำหนดดีเดย์ที่จะรับฟังความคิดเห็นให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 ธ.ค.66​ และจะเสนอต่อที่ประชุม ครม.ต่อไปเพื่อพิจารณา​ประกาศกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์​เกี่ยวกับพื้นที่ท่องเที่ยวให้เปิดสถานบริการถึงเวลา​ 04.00 น.​ ให้ประกาศใช้ทันในช่วงเทศกาลปีใหม่​ ซึ่งถือเป็นข้อสั่งการของนายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่ห่วงใยการกระตุ้นเศรษฐกิจ

# นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นห่วงคนไทยในทุกพื้นที่ ในช่วงการเฉลิมฉลองเทศกาล Halloween พร้อมเตือนคนไทยหลีกเลี่ยงการเฉลิมฉลองในสถานที่แออัด  

ด้วยคืนพรุ่งนี้ (31 ต.ค.) เป็นวัน Halloween สถานบันเทิงจะจัดงานเฉลิมฉลอง หน่วยงานต่างๆ จึงมีมาตรการคำแนะนำป้องกัน ดูแลความปลอดภัยคนไทย โดยสถานที่หลัก ๆ ที่มีคนเป็นห่วงมากก็คือ ถนนข้าวสาร เพราะมีลักษณะของพื้นที่คล้ายกับอิแทวอน สาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุโศกนาฏกรรมเมื่อปีที่แล้ว

# นายพิชัย ชุณหวชิร ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในงานเสวนา "นานาทัศนะกับนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท : เป้าหมายการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้ความท้าทายและพลวัตที่เปลี่ยนแปลงไปของประเทศ" ว่า โครงการนี้มีหลายอย่างที่ต้องมีการปรับเปลี่ยน เช่นการให้สิทธิประชาชน 56 ล้านคน หลายฝ่ายเห็นว่าไม่ควรแจกคนรวย เพราะการให้เงินคนรวยไม่ได้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากคนรวยจะเอาเงินในส่วนนี้ทดแทนค่าใช้จ่าย และเก็บเงินของตัวเองไว้แทน แต่ถ้าให้คนที่พอมี จะสามารถนำไปใช้หนี้ ดังนั้นตัวเลขประชาชนที่ได้สิทธิจะเหลือ 40 กว่าล้านคน ซึ่งยังไม่รวมผู้ที่ไม่มาลงทะเบียนอีก จึงเชื่อว่าโครงการดังกล่าวจะใช้เงินจากงบประมาณ แต่คงไม่ถึง 500,000 ล้านบาท โดยผ่านการอนุมัติจากสภาฯ

ทั้งนี้ งบประมาณดังกล่าวจะมีความล่าช้า ไม่น่าจะทันในเดือนก.พ.67 แต่จะสามารถใช้ได้ในช่วงเดือนก.ย.แทน ขณะเดียวกันน่าจะมีการเร่งดำเนินการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2568 ไปด้วย เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและแล้วเสร็จในเวลาใกล้เคียงกัน  ส่วนเงื่อนไขที่จะใช้เงินได้ในระยะ 4 กิโลเมตร นั้นคงไม่มีแล้ว แต่จะให้อยู่ในอำเภอหรือเขตเดียวกัน เพื่อให้เกิดการกระจายอย่างทั่วถึง