วันที่ 30 ต.ค.2566 เวลา 09.30 น.ที่รัฐสภา นายจเด็จ อินสว่าง ส.ว.ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการรับฟังความเห็นในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ทางกมธ.พัฒนาการเมืองฯกำลังรับฟังกันอยู่ แต่ในมุมมองของตน ตนว่าคำถามหนึ่งที่ไม่ค่อยได้พูดให้ประชาชนทราบ ว่าจะแก้รัฐธรรมนูญไปทำไม แก้แล้วได้ประโยชน์อะไร ที่ตนพูดไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นด้วย แต่ช่วยไตร่ตรองให้ดีว่า อะไรที่ทำแล้วเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชนก็ควรทำ หากแก้แล้วประชาชนมีงานทำมากขึ้น มีความสมดุลของรายได้เพิ่ม เศรษฐกิจหมุนเวียนดีขึ้น ตนว่าก็ควรแก้ แต่ตนยังไม่เห็นประโยชน์ เป็นการแก้เอามัน ไม่ได้แก้เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน
          
เมื่อถามว่า ขณะนี้ยังไม่ต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายจเด็จ กล่าวว่า ยังไม่ต้องเร่งทำ หากกังวลเรื่องอำนาจสว. ชุดนี้ก็จะหมดลงในเดือนพฤษภาคม 2567 ไม่ต้องกังวลเรื่องเหล่านี้ ตรงกันข้ามในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะก่อให้เกิดการถกเถียง แสดงความเห็นต่าง ซึ่งจะทำให้เกิดความขัดแย้งต่อคนในชาติ ที่สำคัญประชาชนประเทศชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันหลักของชาติได้อะไรขึ้นมา ซึ่งขณะนี้พวกเราอยู่กันอย่างมีความสุขแล้ว
        
เมื่อถามต่อว่า แต่บางพรรคการเมืองได้ประกาศเป็นนโยบายหาเสียงและจะสรรหาสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่าง จะมีข้อเสนอแนะอย่างไร นายจเด็จ กล่าวว่า ตั้งแต่พรรคการเมืองประกาศจะแก้รัฐธรรมนูญแล้วประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร แก้เพื่ออะไร ยิ่งไปตั้ง ส.ส.ร. และทำประชามติ ยิ่งทำให้เปลืองงบประมาณมากมาย ตนว่าลองคิดให้ดีๆ ส่วนทางออกตนมองว่าเราก็ต้องมีการพูดคุยหามุมมองกัน ตนว่าในที่สุดแล้วก็คงไปไม่ถึงทำประชามติเพื่อยกร่างใหม่
         
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายวิจารณ์ว่าที่มารัฐธรรมนูญปี 2560 มาจากการทำรัฐประหารจึงต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ นายจเด็จ กล่าวว่า ก็พูดวนอยู่อย่างนี้ รัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากการทำรัฐประหาร แต่ก็มาจากการทำประชามติ รับฟังความคิดเห็นประชาชนเช่นกัน ประชาชนก็ได้แต่นั่งมองว่าเมื่อไหร่เศรษฐกิจจะดีขึ้น เมื่อประชาชนจะมีคุณภาพที่ดีขึ้นกว่านี้ในหลายๆ ด้าน พูดกันตรงนี้ดีกว่า

เมื่อถามว่าหากเสนอเข้าที่ประชุมสภาฯ นายจเด็จจะให้ความเห็นชอบหรือไม่ นายจเด็จ กล่าวว่า ตนจะดูว่าเขาจะยังแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับหรือจะแก้เป็นรายมาตรา ตนก็จะอภิปรายว่าในแต่ละมาตราที่จะแก้นั้น เป็นประโยชน์กับประชาชนหรือไม่ หากแก้ทั้งฉบับตนก็ไม่เอาด้วยอยู่แล้ว ส่วนมีสว. คนอื่นๆ คิดเช่นเดียวกันกับตนด้วยหรือไม่นั้น ก็ค่อนสภาที่คิดแบบนี้
      
เมื่อถามว่า แม้จะยกเว้นการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ทางสว.ก็ยังคงไม่เห็นด้วยใช่หรือไม่ นายจเด็จ กล่าวว่า ต้องดูอีกทีเพราะหมวด 1 และหมวด 2 มีกว่า 38 มาตรา ซึ่งหลีกเลี่ยงยาก มีหลายอย่างที่ควรคำนึงให้มาก และที่สำคัญคือประชาชนได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาจากการแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ