เมื่อวันที่ 30 ต.ค.66 นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว "ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha" ระบุว่า...
กินดิบ...แซ่บแล้วตาย เลิกได้มั้ย?
ตลอดเวลาที่ผ่านมาของประวัติศาสตร์คนไทย จะมีเรื่องต้องกินแซ่บหลาย ไม่งั้นไม่ถึงอกถึงใจ ลาบเลือด ลาบลู่ งานบุญ งานบวช งานแต่ง งานศพ มีการล้มวัวควาย กินตับหั่นเป็นชิ้นๆ กินสดๆ รวมเลือดแม้แต่ค้างคาวแม่ไก่ตัวโต ฆ่ากิน เชือดสด เอาเลือดหยดใส่เหล้า บำรุงเป็นยาโป๊ว จะปึ๋งปั๋งจริงหรือไม่ เตะปี๊บพังไป 7-8 ใบได้มั้ย? ไม่อาจพิสูจน์ได้ แต่ที่รู้แน่นอน ตายชนิดเร็วในเวลาเป็นวัน ตายผ่อนส่งทรมาน โดยที่ตอนแรกมาไม่มีอาการใดๆทั้งสิ้น นึกว่าปลอดภัยอีก 1-2 ปี ตายจากมะเร็ง
ยำกุ้งเต้น บีบมะนาว พริกขี้หนู นัยว่าฆ่าเชื้อโรค กลายเป็นทั้งพยาธิ แบคทีเรีย กระโดดโลดเต้นกันยกใหญ่ ได้ทำงาน ฆ่าคนอีกแล้ว
ตัวอย่างที่เป็นของประจำชาติ เช่น เริ่มจากปลาน้ำจืดพวกที่มีเกล็ด เอามากินสุกๆดิบๆ ทำลาบหรือก้อย ปลาส้ม เป็นต้น ปลาร้าทั้งๆที่น่าจะปราศจากพยาธิใบไม้ เพราะหมักไว้นาน 2 เดือน พยาธิตัวเล็ก ตัวน้อย ตัวอ่อน จะตาย ปัญหาคือ เอาพยาธิใหม่จากเนื้อปลาดิบใส่เพิ่มเข้าไป ทำให้ระยะหมักไม่พอ
ฉะนั้น...ก็จะได้พยาธิไม่ตาย กินไปก็เป็นพยาธิตัวโต วิ่งเข้าตับท่อน้ำดี แย่งกินอาหารจากร่างกายเรา แถมก่อให้เกิดการอักเสบในท่อน้ำดีในตับ อาการเบาะๆ คือ ท้องอืด ท้องเฟ้อ ลามไปถึงท่อน้ำดีอักเสบ หัวเหลือง ตาเหลือง เป็นไปสักพัก ก็จะเป็นมะเร็งในท่อน้ำดี คนไทยเป็นอันดับ 1
ที่ขอนแก่นพบปีละหลายร้อยราย
ปลาดิบต่างๆเหล่านี้ไม่เว้นแต่ซูชิ ปลาดิบที่คนบอกว่าปลอดภัย เพราะคนญี่ปุ่นกินยังแข็งแรง และเป็นปลาทะเล จริงอยู่ปลาทะเลที่อยู่ในทะเล คลื่นซัดไปมา อาจมีการติดเชื้อพยาธิน้อยกว่า แต่ไม่ใช่ไม่ติด มีพยาธิในปลาทะเล (Anisakis) ไชทะลุกระเพาะ เลือดออกตายได้
ปลา หอยนางรมจากทะเลยังแถมแบคทีเรียได้หลายชนิดตั้งแต่ แซลโมเนลา (Salmonella) แคมไพโลแบคเตอร์ (Campylobacter) เชื้ออหิวาตกโรค (Vibrio ทั้ง cholerae parahaemolyticus และ vulnificus) ซึ่งเข้าร่างกายได้ทั้งจากการกิน เข้าทางแผล เกิดติดเชื้อในกระแสเลือดช็อกตาย ไม่ได้มีอาการทางกระเพาะลำไส้ ท้องเสียอย่างเดียว ยิ่งมีโรคประจำตัว โรคตับเป็นต้น ยิ่งตายอย่างทรมานเข้าไปอีก
จากของกินในน้ำจืดน้ำทะเล ขึ้นบกมาเป็นเนื้อดิบทั้งหลาย ทั้งที่เกริ่นไปแล้ว ที่ตายเป็นโขยงหรือไม่ตายก็หูดับ พิการ เช่น เชื้อโรคหูดับ (Streptococcus suis) จากหมูดิบหรือไม่สุกพอ ที่จริงไม่น่าเรียกแค่ “หูดับ” เพราะแท้จริงแล้ว เกิดช็อก เชื้อเข้ากระแสเลือดเป็นพิษ เยื่อหุ้มสมองอักเสบแบบเฉียบพลัน
หรือแบบค่อยๆเป็นคล้ายวัณโรค ถ้ารอดชีวิตจะเสียเส้นประสาทหูเส้นที่ 8 ดับ ซึ่งจะเสียทั้งการได้ยินและประสาทหูทรงตัว ซึ่งแม้สมองยังดี แต่ประสาทหู 2 ข้างเสีย จะยืนไม่ได้ เดินไม่ได้ ล้ม แถมหูดับ
นอกจากนี้ยังมีแบคทีเรียที่เล่นงานเด็ก แม่เพิ่งคลอดให้นมลูก คนสูงอายุ คนอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันบกพร่องจากการกินผักล้างไม่สะอาด โดยเฉพาะผักใช้ปุ๋ยอินทรีย์ ปุ๋ยคอก ปนมูลอึ นมดิบๆไม่ผ่านการพาสเจอไรซ์ เนยแข็ง ซึ่งต้องรู้ว่าทำจากเนยดิบ จะได้เชื้อ Listeria monocytogenes ซึ่งความจริงเราก็เห็นคนปกติ ไม่แก่เฒ่า ติดเชื้อนี้ได้เช่นกัน จากการกินดิบ และเกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ สมองอักเสบที่ก้านสมอง ซึ่งแท้จริงจะเจอน้อยกว่าฝีในสมองด้วยซ้ำ โดยมักมีหลายก้อน ถ้าใหญ่เบียดสมองที่ดีหรือแตกเข้าโพรงสมอง เชื้อกระจายตายลูกเดียว
และเนยหรูหราที่ส่งจากนอก ราคาแพงและทำจากนมไม่ฆ่าเชื้อ ยังมีเชื้อ Brucella abortus จากนมแพะ แกะ ที่ไม่มีการควบคุม เกิดโรคในคนหลังจากกินได้เกิดได้ทุกระบบอวัยวะ
ผลพวงจากการกินไม่สุก ปรุงไม่ถูกวิธียังรวมถึงการเตรียมและการกินหน่อไม้ที่เก็บปี๊บไว้นานเป็นเดือน เมื่อเปิดปี๊บก็กินเลยเพราะกรอบดี หารู้ไม่ว่าขณะที่เก็บในปี๊บเชื้อซึ่งไม่ตายจากการต้มก่อนใส่ปี๊บ จะปล่อยพิษซึ่งทำให้อ่อนแรงหายใจไม่ได้ ทั้งนี้ ก่อนเอามากินต้องต้มเดือดก่อนอย่างน้อย 10 นาที ไม่เช่นนั้นจะได้พิษ botulinum toxin การกินดิบ ปลา หอย ยังไปทำลายวิตามินบี 1 ทำให้เกิดอัมพาตแขนขาอ่อนแรง หัวใจวาย น้ำท่วมปอด ตาย หรือสมองเสียคล้ายอัลไซเมอร์ถ้ารอดจากโคม่า
ที่กล่าวมานี้เป็นเชื้อ เป็นพิษแค่เบาะๆ ยังมีอีกเป็นร้อยๆ แถมไวรัสอีกโขยง
ที่ต้องการคือ รณรงค์ต่อเนื่อง ไม่ต้องคิดเลยครับ จะผลิตวัคซีนป้องกันพยาธิใบไม้ในตับ มะเร็ง เสียเงินนับพันล้าน หยุดกินดิบ ประหยัดเงินชาติได้เป็นหมื่นๆล้าน กินสุก ถูกวิธี ยังแซ่บได้ แถมรอดตายอีกต่างหาก.