เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2566 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย (พท.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า
“ถึงเวลา สื่อสาร ให้ชัดเจน”
Digital Wallet คือ
สร้างเงิน ไม่ใช่แจกเงิน
การทำ ดิจิทัลทรานฟอร์มเมชั่น
สำหรับ การเป็นรัฐบาลดิจิทัล
เป็นนโยบายสำคัญของ พรรคเพื่อไทย
เป้าหมายคือการพัฒนาระบบดิจิทัล เทคโนโลยี เชื่อมต่อกระบวนการทำงานของทุกหน่วยงานรัฐ ในส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และทุกท้องถิ่น
เพื่อให้บริการประชาชน รวมถึง ภาคธุรกิจเอกชน เกษตรกร ชุมชนและวิสาหกิจต่างๆ
เป็นการวางรากฐาน ของระบบ
ที่กำลังจะถูกสร้างขึ้นใหม่
เพื่อเชื่อมต่อ
ทั้งกระบวนการทำงาน
การบริการภาครัฐ
การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์
การสร้างรูปแบบการตลาดใหม่
ที่เชื่อมโยง ผู้ประกอบการไทย
ให้เข้าถึงนักธุรกิจที่ทำการค้าในรูปแบบต่างๆทั่วโลก โดยไม่ต้องมีตัวกลาง
เป็นระบบ ทางการเงิน ที่ลดรายจ่ายของ สถาบันทางการเงิน
มีเทคโนโลยีแปลภาษาอัตโนมัติคอยช่วยเหลือ การสื่อสาร
เป็นการสร้าง วัฒนธรรมดิจิทัลขององค์กร โดยมี การกำหนดเป้าหมาย ให้ภาคธุรกิจของประเทศไทย เติบโตขึ้นในอนาคต โดยไม่มีข้อจำกัด
ง่ายต่อการปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงสมัยใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
สามารถอธิบายประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น ได้ชัดเจน
เช่น การเพิ่มศักยภาพการทำงานของภาคธุรกิจและประชาชน เพื่อสร้างรายได้ที่ไม่ใช่เฉพาะเกิดขึ้นภายในประเทศไทยแต่หมายถึงการค้ากับทั่วโลก
ความสะดวก ในการเข้าถึง แอพพลิเคชั่นและ บริการด้านเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ ที่รัฐบาลกำลังพัฒนาแก่ประชาชน
การปรับตัวเข้าสู่ยุค Metaverse คือการเชื่อม การใช้ชีวิตในปัจจุบันกับโลกเสมือนจริง ที่รวดเร็วและลดค่าใช้จ่ายในอนาคตได้อย่างมหาศาล
ซึ่งกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น จะทำให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้น ใช้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น
และแน่นอนว่าเมื่อประเทศมั่งคั่งขึ้น รัฐบาลก็จะได้ภาษีกลับมาเป็นเงินงบประมาณเพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศได้มากขึ้นในอนาคต
ส่วนเรื่องของเม็ดเงินที่จะนำมาใช้นั้น
อาจจะต้องหยิบตัวอย่างมาอธิบาย
ว่าจริงๆแล้วประเทศไทยมีเม็ดเงินแฝง ที่ไม่สะดวกต่อการนำมาใช้อย่างมากมายเช่น
เงินนอกงบประมาณ
ที่มีอยู่ถึง4.8ล้านล้านบาท เม็ดเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจอีกหลายล้านล้าน
เม็ดเงินของท้องถิ่นที่ใช้จ่ายยากหรือไม่ได้นำมาใช้ อีกหลายแสนล้าน
ค่าธรรมเนียมแฝงที่เก็บไว้ของหน่วยงานรัฐ ที่ไม่ได้นำมาใช้
ที่มากมายแต่ไม่สามารถเก็บตัวเลขได้
ข้อมูลต่างๆเหล่านี้อยากให้มีการแยกแยะแล้วค่อยๆอธิบายไปทีละเปลาะ
ว่า การทำดิจิตอลทานฟอร์มเมชั่นทั้งระบบ เป็นประโยชน์อย่างไร
ผมเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจ
ตอนนี้ทุกคนคิดว่า
ดิจิทัล10,000 บาท
คือการแจกเงินฟรีแก่ประชาชน
ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่ใช่หลักการการพัฒนาที่ก่อให้เกิดรายได้แก่ประชาชน
ของพรรคเพื่อไทย
เหมือนกับโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่มิใช่โครงการรายจ่ายแต่เป็นโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ ประชาชน
ทำให้ประเทศมีประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นประเทศมั่งคั่งขึ้นและรัฐบาลได้ภาษีเพิ่มมากขึ้น
เหมือนกับระบบการศึกษาฟรีที่ทำให้ประชาชนมีศักยภาพและความรู้ที่จะสร้างรายได้ในอนาคตได้เพิ่มมากขึ้นและแน่นอนรัฐบาลก็จะได้รับ เม็ดเงินภาษีกลับมาเพิ่มขึ้นด้วย
คล้ายกับกองทุนหมู่บ้าน ที่รัฐบาลให้เม็ดเงินหมู่บ้านไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ครั้งนี้ ให้ตรงไปที่ประชาชน
ทีมสื่อสาร อาจต้องเรียนรู้ และทำความเข้าใจกับยุทธศาสตร์และแนวทางการพัฒนาประเทศ ควบคู่ไปกับเทคนิคการสื่อสาร
ในระยะนี้ สามารถอธิบายได้ยาวขึ้นเพื่อให้ชัดเจนและเข้าใจลึกซึ้งขึ้น
ผมไม่อยากให้ คำพูดเฉพาะว่า “แจกเงิน” กลายเป็นอุปสรรคของการพัฒนา
เพียงเพราะการสื่อสารที่ยังไม่ได้ให้ข้อมูลครบถ้วนครับ