เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ที่ธนาคารออมสิน สาขาตรัง นายวัฒนการ พันท์สุนันนนท์ ลูกค้าผู้มีเงินฝากกับธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วย ไม่ว่ารัฐบาลจะกู้เงินธนาคารออมสินหรือให้ธนาคารออมสินกู้เงิน เพื่อนำไปใช้ในนโยบายดิจิทัล เพราะจะทำให้เพิ่มหนี้สาธารณะมากขึ้น เพราะการกระตุ้นเศรษฐกิจ ควรที่จะกระตุ้นที่ฐานรากโดยตรง ทั้งสินค้าเกษตร และการลดต้นทุนพลังงาน เพราะการกู้เงินในอนาคตมาใช้ล่วงหน้า ก่อให้เกิดหนี้สาธารณะไปจนถึงรุ่นลูกหลานไม่สิ้นสุด และห่วงสถานะของธนาคารและห่วงเงินของลูกค้าที่ฝากเอาไว้จะได้รับผลกระทบตามมา

"รัฐควรควบคุมราคาเรื่องของราคาสินค้า ควบคุมราคาพลังงานที่จะเกิดปัญหาในอนาคตข้างหน้า เช่น ราคาน้ำมันที่ยังคงผันผวน ยังคงมีผลกระทบอยู่ เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่จำเป็นแล้ว เพราะเริ่มฟื้นไปเรื่อยๆแล้ว ถ้าอยู่ในสถานการณ์ภัยพิบัติ โรคระบาด เอามากระตุ้นไม่เป็นไร แต่อยู่ในช่วงภาวะปกติอย่างปัจจุบันนี้ ไม่จำเป็นต้องนำเงินจำนวนมหาศาลมากระตุ้น จะทำให้เป็นหนี้มากขึ้น กลัวไม่สามารถหาเงินส่วนอื่นมาชดเชยธนาคารได้" นายวัฒนการ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังประชาชนติดตามข่าวสารเรื่องนโยบายแจกเงินดิจิทัล แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ปรากฏชัดว่ารัฐบาลจะเอาเงินจากไหนมาแจก และมีกระแสข่าวว่ารัฐกำลังเล็งเงินจากหลายช่องทาง 1 ในนั้น อาจจะเป็นการกู้เงินจากธนาคารออมสิน หรือให้ธนาคารออมสินกู้ให้ ทำให้ประชาชนซึ่งเป็นลูกค้าธนาคารออมสินจำนวนมากได้สอบถามเรื่องดังกล่าวกับพนักงานทุกสาขาตลอดเวลา ทำให้ทางธนาคารต้องให้เจ้าหน้าที่คอยอธิบายทำความเข้าใจกับประชาชน และปรินท์ข้อความชี้แจงลงบนกระดาษเอ 4 เพื่อให้พนักงานแต่ละสาขา คอยชี้แจงกับลูกค้าเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อบัญชีเงินฝาก

ทั้งนี้ข้อความมีเนื้อหาระบุ "ด้วยขณะนี้ ธนาคารออมสินยังไม่ได้รับนโยบายให้ดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับมาตรการเงินดิจิทัลกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าการดำเนินงานของธนาคารออมสินอยู่ในขอบเขตอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย และดำเนินการโดยคำนึงถึงความคุ้มค่า ซึ่งไม่สร้างความเสียหายต่อลูกค้าและการดำเนินธุรกิจของธนาคาร"