คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์  เศรษฐช่วย

แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าขณะนี้ย่างเข้าสู่สัปดาห์ที่สามแล้วที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯขาด “ประธานสภาผู้แทนราษฎร” ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญสูงเป็นอันดับสามของรัฐบาลสหรัฐฯถัดจากประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี และขณะนี้ก็ยังไม่สามารถสรรหาคนใหม่เข้ามาดำรงตำแหน่งได้เลย

ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่าตำแหน่งประธานสภาผู้แทนฯสหรัฐอเมริกายังมีโอกาสและมีสิทธิ์ก้าวเข้าไปรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯดั่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีตมาแล้วกับ “เจมส์ โพล์ก” ที่เข้าไปดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 11

และถึงแม้ว่าขณะนี้ “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” จะมีคดีอาญาติดตัวถึง 4 คดี รวม 91 กระทง และบางคดีก็กำลังมีการพิจารณาอยู่ในศาลก็ตาม แต่การลงแข่งขันเลือกตั้งในตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น เขายังคงดำเนินอยู่ และกำลังมีคะแนนนำลิ่วเหนือผู้แข่งขันในพรรครีพับลิกันทุกๆคนอีกด้วย แถมบรรดาผู้ที่ลงสมัครแข่งขันกันในตำแหน่งประธานสภาฯทุกๆคนต่างก็พยายามล็อบบี้ขอเสียงสนับสนุนจากเขา!!!

อนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาให้การสนับสนุน “ส.ส.จิม จอร์แดน”ในตำแหน่งประธานสภาฯ แบบสุดโต่งออกหน้าออกตา แต่กลับปรากฏว่าส.ส.จิม จอร์แดน ไปไม่ถึงดวงดาวพ่ายแพ้อย่างยับเยินทั้งสามรอบ

จนมีผลทำให้ส.ส.จิม จอร์แดน ถอดใจยอมยกธงขาว เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนั้นภายในพรรครีพับลิกันจึงเกิดความวุ่นวายสับสน ฐานเสียงผู้สนับสนุนทั่วประเทศต่างไม่พอใจออกมากล่าวตำหนิแบบเสียๆหายๆ

แต่ในที่สุดก็มีนักการเมืองในพรรครีพับลิกัน 9 คนประกาศตัวว่าจะลงแข่งขันในตำแหน่งประธานสภาฯ แต่ถอนตัวออกไปแล้วหนึ่งคนเมื่อวันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม 2023

ส่วนที่เหลืออยู่อีก 7 คนตอนค่ำของวันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม ก็ได้มีการประชุมภายในพรรคเป็นเวลาสองชั่วโมงกว่าๆ โดยมิได้มีการถ่ายทอดสดผ่านทางช่องโทรทัศน์

อนึ่งมีนักการเมืองตัวเก็งคนหนึ่งนั่นก็คือ “ส.ส.ทอม เอ็มเมอร์” จากรัฐมินนิโซตาอาชีพทนาย วัย 62 ปี โดยขณะนี้เขามีตำแหน่งผู้นำอันดับสามของพรรครีพับลิกัน ในสภาผู้แทนฯ ที่เขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาผู้แทนฯเมื่อปีค.ศ. 2015

ทันทีที่เขากลายเป็นตัวเก็งในการเข้าแข่งขันในตำแหน่งประธานสภาฯครั้งนี้ ดูเหมือนว่าเส้นทางชีวิตทางการเมืองของเขาก็ได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อปี 2020 ที่เขาได้ออกมาประกาศรับรองชัยชนะของ “โจ ไบเดน” ในตำแหน่งประธานาธิบดีหลังจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2020เสร็จสิ้นลง!!!

ทั้งนี้ส.ส.ทอม เอ็มเมอร์ เป็นหนึ่งในจำนวนสมาชิกผู้แทนฯของพรรครีพับลิกัน 38 คนที่ออกมาประกาศรับรองชัยชนะของโจ ไบเดนในตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ แต่ก็มีสมาชิกผู้แทนฯของพรรครีพับลิกันอีก 138 คนไม่เห็นด้วย

ทั้งนี้ในบรรดาผู้ที่ลงสมัครในตำแหน่งประธานสภาฯทั้ง 9 คน ปรากฏว่ามีเพียงสองคนเท่านั้น ที่เคยออกมาประกาศรับรองชัยชนะของโจ ไบเดน เท่ากับว่าส.ส.ทอม เอ็มเมอร์ ได้กลายเป็นเป้านิ่งของขั้วที่นิยมชมชอบต่ออดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาในทันทีทันใด

อย่างไรก็ตามเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี้ ส.ส.ทอม เอ็มเมอร์ ได้ยกโทรศัพท์ไปปรับความเข้าใจกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ โดยมีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า “อดีตประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ค่อยพอใจต่อความไม่จงรักภักดีของ ส.ส.ทอม เอ็มเมอร์ ที่มีต่อเขาเท่าที่ควร”

อนึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าอดีตประธานสภาฯเควิน แม็คคาร์ธี ที่ถูกปลดกลางอากาศไปเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2023สืบเนื่องมาจากเขาถูกต่อต้านจากนักการเมืองจากขั้วขวาตกขอบของพรรค ได้ออกมาให้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม 2023นี้ว่า “ข้าพเจ้าขอสนับสนุน ส.ส.ทอม เอ็มเมอร์ในตำแหน่งประธานสภาฯ”

อีกทั้งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้อดีตประธานสภาฯเควิน แม็คคาร์ธี ก็ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการ “Meet the Press” ของ “สถานีโทรทัศน์เอ็นบีซี” ว่า “ข้าพเจ้าเล็งเห็นว่าตำแหน่งประธานสภาฯสำคัญมากๆ ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตต่างๆ ทั้งสงครามยูเครนและสงครามอิสราเอล ฉะนั้นผู้ที่เหมาะสมที่สุดก็คือ ผู้ที่สามารถเข้าไปทำงานในหน้าที่ประธานสภาฯได้ในทันที ซึ่งก็ควรจะเป็นส.ส.ทอม เอ็มเมอร์ เท่านั้น”

การที่อดีตประธานสภาฯเควิน แม็คคาร์ธีออกมาเอ่ยปากประกาศรับรองเยี่ยงนี้ นับว่าเป็นผลดีและมีน้ำหนักต่อส.ส.ทอม เอ็มเมอร์ อย่างมาก ซึ่งโอกาสที่เขาจะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯคนใหม่ก็ย่อมมีอยู่สูงอีกด้วย

แต่ก็ต้องไม่ลืมอีกเช่นกันว่า นักการเมืองขั้วอนุรักษนิยมหัวเอียงขวาตกขอบของพรรครีพับลิกันคงจะต่อต้านทำนองเดียวกับที่ได้เกิดขึ้นกับ สส.จิม จอร์แดนเมื่อสัปดาห์ก่อน

และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆโอกาสที่ ส.ส.ทอม เอ็มเมอร์ จะได้รับคะแนนเสียง 217 คะแนน จากจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 435 เสียงในสภาผู้แทนฯก็อาจจะยากลำบาก

ส่วนท่าทีของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์นั้น เขาได้ให้สัมภาษณ์ขณะที่เดินทางไปหาเสียงที่รัฐนิวแฮมป์เชียร์ เมื่อวันจันทร์นี้ว่า “การแข่งขันในตำแหน่งประธานสภาฯครั้งนี้ข้าพเจ้าขอวางตัวเป็นกลาง”

ทว่าภายหลังจากที่สส.ทอม เอ็มเมอร์ได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันในการแข่งขันรอบที่ 5 จากการประชุมภายในของสมาชิกพรรครีพับลิกันเมื่อวานนี้ กลับปรากฏว่าอดีตประธานาธิบดีทรัมป์เปลี่ยนท่าทีกลับตาลปัตรอย่างสิ้นเชิง โดยเขาได้เขียนผ่านโซเชียลมีเดียของเขาว่า “หากทอม เอ็มเมอร์ ได้รับตำแหน่งประธานสภาฯนับเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง

มีผลทำให้นักการเมืองหัวอนุรักษ์นิยมขวาตกขอบแบบสุดโต่ง 24 คนก็รีบผวาออกมาขานรับความต้องการของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ในทันทีทันใด

แต่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมาปรากฏว่า ส.ส.ทอม เอ็มเมอร์ ได้ประกาศยกธงขาว เพราะถูกต่อต้านจากอดีตประธานาธิบดีทรัมป์

กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นหากวิเคราะห์ถึงสถานการณ์การเลือกประธานสภาฯของสหรัฐฯกันดูแล้ว ดูเหมือนว่าผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังค่ายพรรครีพับลิกันก็คือ “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” โดยในช่วงสามสัปดาห์ที่ผ่านมานี้มีเหตุประเดิมเริ่มต้นที่ “ประธานสภาฯเควิน แม็คคาร์ธี” อดีตเบอร์หนึ่งของสภาผู้แทนฯสหรัฐฯถูกปลดกลางอากาศ ตามมาด้วย “ส.ส.สตีฟ สกาลิส” ผู้นำเบอร์ 2 เปิดหมวกอำลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงภายหลังจากที่ได้รับรอง เพื่อเป็นตัวแทนของพรรครีพับลิกันในตำแหน่งประธานสภาฯ สาเหตุเพราะถูกต่อต้านจากนักการเมืองปีกขวาของพรรครีพับลิกันเช่นกัน ส่วนเหยื่อรายที่สามกลับก็คือ ส.ส.จิม จอร์แดน กระบอกเสียงคนสำคัญของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ที่เขาถูกต่อต้านจากนักการเมืองสายกลางของพรรครีพับลิกัน และเหยื่อคนล่าสุดที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆก็คือ “ส.ส.ทอม เอ็มเมอร์” ผู้นำเบอร์สามของพรรครีพับลิกันเพราะอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ไม่ถูกชะตา  ฉะนั้นจากนี้เป็นต้นไปตำแหน่งประธานสภาฯกำลังเข้าสู่ทางตันสุดๆ ส่วนผลที่ตามมาก็ย่อมจะสร้างความปั่นป่วนหลายๆด้าน สืบเนื่องมาจากขาดประธานสภาฯ ทำให้

สภาคองเกรสไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายใดๆได้เลย ดังนั้นต่อไปนี้รัฐบาลสหรัฐฯกำลังเข้าสู่โหมดวิกฤตไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องกำหนดเพดานหนี้ และเรื่องงบประมาณค่าใช้จ่ายของรัฐบาลกลางที่อาจจะเกิดถังแตกในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2023 ที่กำลังจะถึงนี้ แถมสหรัฐฯอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องงบช่วยเหลือยูเครนและอิสราเอล และยังมีปัญหาสำคัญๆอื่นๆตามมาแบบติดๆอีกด้วย ทั้งนี้ไม่แน่ใจว่าการยืดเยื้อในการเลือกประธานสภาฯจะเนิ่นนานอีกเท่าใด ฉะนั้นโอกาสที่สหรัฐฯจะเผชิญกับวิกฤตแบบคาดไม่ถึงก็ย่อมมีความเป็นไปได้ละครับ