เมื่อวันที่ 26 ต.ค.66 นายสมบัติ บุญงามอนงค์  หรือ บก.ลายจุด โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก สมบัติ บุญงามอนงค์ ระบุว่า...

ผมได้ติดตามการใหัสัมภาษณ์เรื่อง Digital Wallet ของหมอมิ้งและคุณจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ โดยส่วนตัวยอมรับท่าทีการรับฟังและชุดอธิบายของทั้่งสองได้ ทำให้เห็นชัดว่ารัฐบาลรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์และข้อเสนอแนะ และคณะทำงานกำลังหาทางเพื่อออกแบบให้ดีที่สุด

ผมขอเสนอความเห็นในช่วงโค้งสุดท้ายดังนี้้

1.ด้านเทคโนโลยี ให้เลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับโครงการ ไม่ฝืน อะไรที่เหมาะจะเป็น Blockchain ก็ใช้ ไม่เหมาะก็ใช้เทคโนโลยี่อื่น

2.การแจกเงินให้ยึดหลักรายได้หรือสถานะการเงินของคนนั้นๆ คนจนได้มากหน่อย(1หมื่น) คนพอมีรายได้ก็ได้ลดหลั่นลงมาเช่น เงินเดือน 15000-25000 บ.ได้สัก 7000 บ. ส่วนคนที่มีรายได้ 25000-35000 บ.ได้สัก 5000 บาท และถ้ามากกว่านั้นก็ให้ 5000 บาทโดยกำหนดเงื่อนไขเป็นแบบคนละครึ่ง คือต้องใช้จ่ายครึ่งหนึ่งแล้วรัฐออกครึ่งหนึ่ง ด้วยรูปแบบนี้ทุกคนจะได้เงินและเม็ดเงินจะกระจายโดยกว้าง

3.เสนอให้ยืดระยะเวลาในการใช้เงินดิจิตอลจาก 6 เดือนเป็น 1 ปี เพื่อให้เศรษฐกิจมีแรงต่อเนื่อง ดีกว่าพัดแรงๆ ไปครั้งเดียวสั้นๆ

4.ควรจ่ายเงินหลังโครงการ Soft Power ดำเนินการไปแล้ว เพื่อให้ทั้ง 2 โครงการนี้สอดคล้องกัน ประชาชนเข้าร่วมอบรมการเพิ่มรายได้และ Digital Wallet จะได้ถูกใช้อย่างมีทิศทางที่มีประสิทธิภาพ

5.พื้นที่การใช้เงินให้ขยายจาก 4 กม เป็นเขตการปกครองระดับอำเภอ

ส่วนที่มาของเงินก้อนนี้ ผมไม่มีข้อเสนอ เพราะคงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่รับทราบข้อเท็จจริงทั้งความเป็นไปได้และข้อจำกัด