ลูกจ้างสาวหนีตาย อ้างถูกนายจ้างทรมานสารพัด ใช้ไฟเผาร่างกาย เอามีดฟัน สุดท้ายปีนฝ้าหนีตายออกมา เจ้าของร้านแจง หนังคนละม้วน ทนพฤติกรรมเขามานานเพราะสงสาร สุดท้ายมาโดนแบบนี้
รายการโหนกระแส วันนี้ พูดคุยกรณี เด็กสาวลูกจ้างร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ถูกนายจ้างทารุณกรรมยิ่งกว่าทาส หนีเอาชีวิตรอดออกมาจากร้าน จนกระทั่งพลเมืองดีพาไปร้องกับสายไหมต้องรอด
คุณเอ ผู้เสียหายเล่าว่า ไปสมัครงานทำงานที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแห่งนี้ ตั้งแต่อายุ 15-16 ปี ได้เงินเดือนประมาณ 9,000 บาท หักค่าหอ ค่าประกันต่างๆ เหลือเงินใช้จ่ายประมาณ 3,000 บาทต่อเดือน ช่วงแรกไม่มีปัญหาอะไร ก็ใช้ชีวิตเหมือนลูกจ้างทั่วไป มีที่พักให้ นายจ้างเป็นสามีภรรยาคู่หนึ่ง ผู้หญิงอายุประมาณ 40 ปี ขณะที่ผู้ชายอายุประมาณ 30 กว่าปี
แต่มาเกิดเรื่องครั้งแรกสุดที่มีเรื่อง คือ 4 ปีก่อน เราไปเปิดน้ำอัดลมในตู้มาดื่มโดยที่ไม่ได้บอก เขาก็เรียกเราไปตักเตือน ก็เหมือนไม่มีอะไร แต่มีอยู่วันหนึ่งเขาพาเราไปทานอาหารข้างนอก พอเสร็จแล้วก็พาเราไปโรงพัก แล้วแจ้งจับเราว่าเราขโมยวัตถุดิบในร้าน เขาให้เราชดใช้ค่าเสียหาย 5,000 บาท ตอนนั้นอาแท้ๆ ไปกู้เงินนอกระบบมาจ่ายให้เขา ส่วนตัวเราก็ออกจากงานมา
ต่อมาพออายุได้ 17 ปี เขาก็ติดต่อผ่านแฟนมา ตามให้เรากลับไปทำงานอีกรอบ ตอนนั้นไม่มีรายได้ก็เลยตัดสินใจกลับไปทำ แต่ไม่กี่วันหลังจากกลับไปทำงาน ก็มาตรวจพบว่าตัวเองตั้งครรภ์ พอรู้ว่าตั้งครรภ์ พ่อเด็กก็ไม่อยากให้ทำงาน บอกว่าจะขอรับเรากลับไปดูแลเอง แต่นายจ้างไม่ให้กลับ ให้แฟนเราส่งเงินมาแทน พอแฟนเราไม่มีเงินส่ง เขาก็หลอกเราไปแจ้งความจับแฟนฐานพรากผู้เยาว์ จนแฟนถูกจับติดคุก
หลังจากนั้นพอลูกคลอดออกมา เขาบอกว่าเราเลี้ยงลูกไม่ได้ สั่งสอนลูกไม่เป็น ไม่มีใครช่วยดู เขาก็ติดต่อมูลนิธิมารับเด็กไปเลย แล้วให้เราทำงานต่อ เขาให้เรานอนในครัว นอนบนพื้นปูน ไม่มีหมอน ต้องใช้แกลลอนน้ำเอามาหนุนนอน
เหตุการณ์รุนแรงมาเริ่มตอนต้นปี เวลาที่ตนทำอะไรผิดพลาด ลูกค้าคอมเพลน นายจ้างจะทำร้ายรุนแรง ใช้ของมีคมเฉาะ ตี ตามร่างกาย ศีรษะแตก มือแตก กระดูกแตก ใช้ไฟเผาตามร่างกาย ใช้สายยางรัดคอจนสลบ แล้วปลุกขึ้นมารัดต่อ โดนทำทารุณแบบนี้อยู่นานหลายเดือน นายจ้างจะคอยไป
บอกคนนั้นคนนี้ว่า คุณเอเป็นคนไม่ดี ชอบขโมยของ ชอบโกหก แล้วบาดแผลตามร่างกาย คุณเอก็ทำตัวเองทั้งนั้น หนักที่สุดคือถูกสั่งให้ถอดเสื้อผ้า แล้วใช้ไฟเผาอวัยวะเพศ
วันที่ตัดสินใจเอาชีวิตรอด คือนายจ้างเตรียมจะมาทำโทษหนัก เตรียมอุปกรณ์ที่จะใช้ทำโทษมาแล้ว แต่ลูกค้ายังไม่ออกจากร้าน จึงขังตนไว้ในห้องเก็บของ บอกว่าเดี๋ยวลูกค้ากลับไปแล้ว จะกลับมาทำร้าย
สุดท้ายน้องรู้ว่าถ้ารอให้เขากลับมาทำโทษต้องตายแน่ จึงตัดสินใจปีนฝ้าหนีออกมา ไปลงที่ร้านอาหารตามสั่งข้างๆ วิ่งหนีออกไปตามซอย จนไปเจอพลเมืองดีชื่อคุณฝนช่วยไว้
ขณะที่เจ้าของร้าน โฟนอินเข้ามาชี้แจงว่า คุณเอ มาสมัครงานตั้งแต่อายุ 16 ปี ตั้งแต่ปี 2561 เขามีพฤติกรรมลักทรัพย์ เราพาไปดำเนินคดี เขาขอชดใช้แลกกับการไม่ดำเนินคดี ตรงนี้มีบันทึกของตำรวจเป็นหลักฐาน ตอนนั้นก็เลยเลิกจ้างไป
ต่อมาเขาก็กลับมาทำงานรอบสอง ตอนที่กลับมาตั้งครรภ์กลับมา บอกว่าถูกพรากผู้เยาว์ ถูกข่มขืนจนตั้งครรภ์ เราสงสารก็เลยรับกลับมาดูแล พาไปฝากครรภ์ ดูแลทุกอย่าง แล้วพอคลอดมาเขาก็ไม่ยอมเลี้ยงลูก มีเจ้าหน้าที่ พม. ที่มาตรวจสอบทุกอย่าง ประเมินแล้วเขาไม่สามารถเลี้ยงลูกได้ เขาไม่รักเด็ก เจ้าหน้าที่จึงรับเด็กไป เพื่อประโยชน์ของเด็ก
เรามีลูกจ้างคนอื่นเป็นพยานได้ เขามีพฤติกรรมไม่ดีหลายเรื่อง ทั้งเสพยาเสพติด จนเขาเริ่มมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน เราเลือกเก็บเขาไว้ แต่เพื่อนร่วมงานลาออกไป เราเช่าหอให้เขาอยู่ ไม่ได้ให้มาอยู่ในร้าน
ที่บอกว่าเราไปทำร้ายร่างกายเขา เราไม่เคยทำ ที่บอกว่าเอาไฟเผาเขาด้วยเครื่องเบิร์นปลา อยากจะบอกว่าเครื่องเบิร์นปลาที่ร้านหายไป เราไปตามหาจนเจอว่าเขาขโมยไป อ้างว่าละเมอหยิบไป เหมือนตอนที่ไปขโมยของร้านข้างๆ ก็บอกว่าละเมอหยิบมา ถามไปถามมา ก็ยอมรับว่า เขาขโมยไปจุดบุหรี่
แล้วการทำร้ายร่างกาย เราไม่เคยทำ แต่เขาถูกผู้ชายทำร้ายมา แต่ไม่ยอมบอกว่าใคร เขาอ้างว่าเคยไปเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า ถูกแก๊งบัญชีม้าตามทำร้าย อะไรต่างๆ นานา เราเคยโทรหาคุณอาเขา พ่อเขา บอกว่าน้องถูกทำร้ายมา ครอบครัวก็บอกว่าเขารู้นิสัยลูกเขาดี ถ้าเขาไม่ยอมพูดความจริงก็ไม่ต้องไปยุ่งกับเขา เขาไม่ยอมไปบำบัด ไม่ยอมรักษาตัว
พฤติกรรมต่างๆ มีพยานในโครงการร้านอาหารเยอะมาก ที่เห็นพฤติกรรมเขาชอบพาผู้ชายมานั่งพลอดรักตอนดึกๆ ในโครงการ ขโมยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของร้านอื่น ขโมยวัตถุดิบในร้าน เอาไปนั่งกินกับผู้ชาย
คนถามว่าทำไมน้องมีพฤติกรรมแบบนี้แล้วยังจ้างอยู่อีก เพราะเขามาขอให้เราช่วยตั้งแต่ตั้งท้อง เขาบอกว่าเขาไม่อยากเสียลูกไป ขอโอกาสเราซ้ำๆ เขาบอกว่าเขารักเราเหมือนแม่ เราไล่เขาไปเป็นสิบครั้ง เคยเอาไปฝากกับร้านอื่น แต่เขาก็บอกว่าเขาไม่อยากไปอยู่ที่อื่น เขารักเราเหมือนแม่ เรื่องนี้มาสอบถามจากพยานรอบข้างได้เลย คนที่โครงการจะรู้หมด
สิ่งที่ตนเสียใจในวันนี้ คือการที่ตนให้โอกาสเขา ดูแลเขา สงสารเขา เขาเคยบอกว่า ไม่ว่าเขาจะเลวกับใคร เขาจะไม่เลวกับเรา แต่วันนี้เขากลับมาทำกับเราแบบนี้
สุดท้ายเมื่อสองฝ่ายพูดข้อเท็จจริงไม่ตรงกัน เรื่องนี้ก็ต้องนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ต้องเอาพยานมาว่ากัน เอาข้อเท็จจริงมาพูดกัน โดยคุณเอยืนยันว่าพร้อมตรวจหายาเสพติด และให้ตรวจร่างกายว่าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ตลอด 2 ปีหลังคลอดลูก
ขอบคุณ:เพจเฟซบุ๊ก โหนกระแส