นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษ "เร่งเครื่อง… ติดสปีดเศรษฐกิจไทย" ในงาน CEO ECONMASS Awards 2023 จัดโดย "สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจ" ว่า รัฐบาลได้การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยจะต้องทำทั้งระยะสั้น กลาง และยาว โดยได้ทำระยะสั้นไปแล้ว อาทิ ลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน รวมถึงรถไฟฟ้า 20 บาท ในระยะกลาง และยาว รัฐบาลจะเดินหน้าตกลงเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (FTA) การเจรจาสนธิสัญญาการค้าระหว่างประเทศ ที่ไม่ค่อยได้ทำในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การที่หลายบริษัทใหญ่ทั่วโลกจะย้ายฐานการผลิตไม่ใช่เรื่องนโยบายขึ้นค่าแรงเฉลี่ยวันละ 400-500 บาท แต่เป็นเรื่องของ FTA มากกว่า

ทั้งนี้ตลอด 2 เดือน ที่ตนรับตำแหน่งนายกฯ ได้พานักธุรกิจไทยเดินทางไปพบบริษัทยักษ์ใหญ่จีนกว่า 10 บริษัท มั่นใจว่าการเดินทางครั้งต่อไป จะมีนักธุรกิจทั้งจากหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เข้าร่วมเดินทาง ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่เหนียมอายในการไปเจรจา เพราะเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาก รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ซึ่งไม่อยากให้ประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างจีนมองไทยเป็นแค่ขนส่งสินค้า แต่อยากให้มองเป็นฮับ

"ประเทศไทยถือเป็นประเทศแห่งอุตสาหกรรม มีโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) สูงสุดในภูมิภาคนี้ แสดงถึงศักยภาพที่มี ทั้งเรื่องของการส่งเสริมด้านภาษี บุคลากรที่มีทักษะ โครงสร้างพื้นฐาน อาทิ อินเทอร์เน็ต น้ำ และระบบไฟฟ้า เป็นต้น นักลงทุนมีความมั่นใจในเรื่องของชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีทั้ง โรงเรียนนานาชาติ การบริการสาธารณสุขที่มีศักยภาพสูง แต่ต้องออกไปอธิบายว่าไทยมีอะไรดีเพื่อชักจูงใจ"

นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนเรื่องหัวรถจักรจีนที่อยากมาสร้างที่ไทย ไม่ใช่ผลิตเพื่อการรถไฟอย่างเดียว แต่จะสามารถส่งออกไปต่างประเทศได้ ถือเป็นเมกะโปรเจคต์ใหญ่อีกโครงการ เพื่อให้ไทยเป็นประเทศที่น่ามาลงทุน สร้างฐานการผลิตของสินค้าได้หลายอย่าง

"ดังนั้นการที่ตนไปเจอบริษัทใหญ่ ๆ และการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคที่จะถึงนี้ จะเชิญนักธุรกิจไทยเดินทางไปก่อน เพื่อจัดสัมนาหารือกับนักธุรกิจข้ามชาติ ให้เกิด Business Matching ล่าสุดได้รับการประสานมาว่า CEO ของแอปเปิล อยากจะเจอด้วย ถือเป็นเรื่องที่ดี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนเดินสายหารือเพื่อให้ทั่วโลกมาลงทุน และให้รับทราบว่า ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะเปิดรองรับการลงทุนทั้งระยะยสั้น กลาง และยาว"