ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 11.30 น.  วันที่ 25 ต.ค.66 นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย เดินทางเข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การปกครอง สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย เป็นประธานกมธ.ฯ เรื่องมาตรการจัดระเบียบสังคมและการปราบปรามผู้มีอิทธิพล หลังจากเลื่อนเข้าชี้แจงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา โดยนายชาดาเข้าชี้แจงต่อกมธ.ฯ เป็นเวลาประมาณ 30 นาที ท่ามกลางสื่อมวลชนที่มารอติดตามทำข่าวจำนวนมาก โดยเฉพาะกรณีที่นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรี ตำบลตลุกดู่ จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งเป็นลูกเขยของนายชาดา ถูกจับกุมกรณีเรียกรับสินบนจากผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการระบบประปาหมู่บ้านแบบบาดาล จำนวน 2 โครงการ

จากนั้นในเวลา 11.55 น.นายชาดา ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเคยพูดไว้แล้วว่าต้องเก็บกวาดบ้านตัวเองก่อน ตนในฐานะรมช.มหาดไทย ได้โทรศัพท์หาผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีว่า กรณีอย่างนี้สั่งพักปฏิบัติหน้าที่ได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีหลายกรณีที่มีลักษณะอย่างนี้ ทางผู้ใหญ่หลายคนโทรศัพท์มาหาตน ตนก็โทรศัพท์หารมว.มหาดไทยว่า ให้พักปฏิบัติหน้าที่ เหมือนกรณีอื่นหรือไม่ ซึ่งผู้ว่าฯจังหวัดอุทัยธานีบอกว่ากำลังดูกฎหมายอยู่ แต่อย่างไรก็คงต้องพักการปฏิบัติหน้าที่ 

”จำไว้นะครับ ฟังดีๆนะครับ ใช้สมองคิด การพักปฏิบัติหน้าที่ของทุกแห่งในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นคือ เอารองนายกของทีมนั้น ขึ้นมารักษาการแทน ท้องถิ่นแห่งนั้นก็อยู่แบบซังกะตาย จนกว่าจะครบวาระ ถ้าผู้บริหารสามารถกลับเข้ามาในช่วงสมัยได้ คดีหลุด ก็เข้ามาเป็นต่อ แต่บางคนก็สู้คดีจนหมดวาระ เมื่อวานนี้ลูกเขยผมหลังจากได้รับการประกันตัว ผมก็คุยกับลูกเลยผม ลูกเขยผมก็ขอโทษ ผมบอกว่าไม่ต้องพูดอะไร เราครอบครัวเดียวกัน แต่สิ่งที่คุณต้องทำคือ คุณต้องลาออกจากการเป็นนายกเทศมนตรี เพื่อให้จังหวัดจัดการเลือกตั้ง ถ้าไม่ทำแบบนี้ การรอพักปฏิบัติหน้าที่จนคดีเสร็จเป็นการเอาเปรียบและปล่อยทิ้งพี่น้องประชาชนในต.ตลุกดู่“ นายชาดา กล่าวด้วยน้ำเสียงเริ่มมีอารมณ์

นายชาดา กล่าวต่อว่า เมื่อนายนายวีระชาติ ลาออกกระบวนการต่อไปคือการจัดการเลือกตั้งใหม่ ใครจะลงสมัครก็ว่ากันไปตามระบบ ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานของสังคมไทยในทางการเมืองท้องถิ่น ซึ่งนายวีระชาติได้ลาออกเมื่อเวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 24 ต.ค. ซึ่งตนถือว่าเมื่อนายวีระชาติลาออกแล้ว ก็ให้ประชาชนไปเลือกตั้งต่อ ไม่ใช่บอกว่า คดียังไม่สิ้นสุด แล้วไม่ออก ทำให้คนที่ไปจับกุมเสียความรู้สึกว่า จับวันนี้ พรุ่งนี้ไปเป็นนายกต่อ แต่นายวีระชาติก็มีสิทธิ์ที่จะพักการปฏิบัติหน้าที่ แต่ตนเห็นว่าการพักปฏิบัติหน้าที่เป็นการถ่วงความเจริญ และไม่มีสปิริตทางการเมือง เป็นการเอาเปรียบพี่น้องประชาชนต.ตลุกดู่ เมื่อนายวีระชาติ ลาออก เทศบาลก็จัดการเลือกตั้งได้ทันที นี่คือสิ่งที่ตนทำในฐานะรมช.มหาดไทย และในฐานะที่คนใกล้ชิดของตนมีเรื่อง ต้องแสดงสปิริตมากกว่าคนอื่น 

“ที่สำคัญจับคนใกล้ชิดก็ว่า ไม่จับก็ด่า แล้วจะให้ผมทำอย่างไรครับ ด้วยความเคารพจริงๆ ครอบครัวผมไม่มีปัญหาอะไร ผมในฐานะพ่อ ผมต้องโอบกอดลูกผมทุกคน ด้วยความรัก ด้วยความอบอุ่น แล้วเดินไปด้วยกัน แม้ทางเดินข้างหน้าจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ครอบครัวผมรักกัน และผมก็ทำหน้าที่ในฐานะรมช.มหาดไทย เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ขอร้องอย่างหนึ่งว่า อย่าเอารูปลูกหลานผมมาออกข่าว ทั้งด้อม เอไอ อวตาร ด่าผมด่าไป คุณมีสิทธิ์ด่านายชาดา แล้วแต่มุมมองของคุณ แต่วันนึงคุณจะเสียใจที่ด่าผม เท่านั้นแหละ แต่อย่าเอารูปลูกหลานผมมาออก แล้วมันจะเกิดสงครามโซเชียล ผมหาอวตารไม่เจอ ผมก็เอาคนที่อยู่เบื้องหน้า วันนี้คนไทยต้องรักกัน รักสามัคคีกัน สำนึกในกะลาหัวว่าวันนี้จะเกิดสงครามโลกอยู่แล้ว นายกฯก็ปวดหัวทุกวันเรื่องอิสราเอล ไม่ใช่มาด่ากันอยู่ในประเทศนี้ อย่าทำอะไรที่มันไม่สร้างสรรค์ ”นายชาดา กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายชาดา ชี้แจงมาสักพัก ก็ได้เดินออกจากวงสัมภาษณ์ทันที และเข้าไปหอมแก้มลูกสาวที่มาให้กำลังใจ ซึ่งไม่ใช่ลูกสาวสาวที่เป็นภรรยานายวีระชาติ นอกจากนั้นยังมีสส.พรรคภูมิใจไทย ที่มาคอยให้กำลังใจด้วย 

 

 

ชาดาไทยเศรษฐ์,วีระชาติรัศมี #ลูกเขยชาดา