จากกรณีเกิดประเด็นดราม่าจากการโพสต์ในโลกโซเชียลฯกันอย่างสะพัด จากเหตุการณ์ของ”กระทิ กะทิยา”อินฟลูฯชื่อดังได้ผ่าตัดไส้ติ่ง แต่เคลมประกันไม่ได้ บริษัทประกันอ้างรอสืบประวัติ จนสุดท้ายต้องไปหยิบยืมเพื่อนมาจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลให้กับโรงพยาบาลนั้นทำให้ตัวเองต้องเป็นหนี้เพื่อนร่วม 2 แสนบาท จนชาวเน็ตต่างเข้ามาแชร์และคอมเม้นท์กันต่างๆนานา ทั้งในแง่บวกและแง่ลบต่อการทำประกันชีวิตและการเคลมค่ารักษาพยาบาลกันเป็นจำนวนมากนั้น
ทำให้ในเวล่าต่อมา บริษัทโตเกียวมารีนประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทที่สาวอินฟลูเอนเซอร์รายนี้ทำประกันต้องออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสื่อมวลชนว่า จากเหตุการณ์ที่ปรากฎในสื่อโซเชียล กรณีระบุว่าบริษัทปฏิเสธให้บริการแฟกซ์เคลมในการเข้ารักษาในฐานะผู้ป่วยในแก่ผู้เอาประกันภัย ซึ่งส่งผลให้ผู้เอาประกันภัยต้องสำรองจ่ายค่ารักษาพยาบาลไปก่อนนั้น
บริษัท โตเกียวมารีนประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งและต้องขออภัย มา ณ ที่นี้ กับเหตุการณ์ความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นกับผู้เอาประกันภัย ทั้งนี้บริษัทมิได้นิ่งนอนใจกับเหตุดังกล่าวและได้เร่งกระบวนการพิจารณาสินไหม และ ใคร่ขอชี้แจงเพิ่มเติมในกรณีที่เกิดขึ้น ดังนี้ ท่านผู้เอาประกันภัยได้ทำการเรียกร้องสินไหมจำนวน 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2566 การเรียกร้องสินไหมครั้งที่ 1 ผู้เอาประกันภัยได้ใช้บริการผู้ป่วยนอก ซึ่งในกรณีนี้ บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบสภาวะสุขภาพก่อนทำประกันภัย และบริษัทกำลังดำเนินการอยู่ และครั้งต่อมาวันที่ 18 ตุลาคม 2566 มีการเรียกร้องสินไหมครั้งที่ 2 ผู้เอาประกันภัยได้ใช้บริการผู้ป่วยใน ซึ่งบริษัทสงวนสิทธิ์ให้ผู้เอาประกันภัยต้องสำรองจ่ายเนื่องจากการตรวจสอบสินไหมครั้งที่ 1 ยังไม่เสร็จสิ้น
โดยบริษัทเข้าใจและตระหนักถึงความไม่สะดวกที่เกิดขึ้น แต่บริษัทมีความจำเป็นตามหลักการข้างต้น และได้เร่งพิจารณาสินไหมอย่างเต็มที่ ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะทราบผลการตรวจสอบภายในวันที่ 25 ตุลาคม 2566 และบริษัทจะเร่งแจ้งผลการพิจารณาให้ลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์รับทราบ รวมถึงแจ้งสื่อมวลชน และสาธารณชนให้ทราบถึงผลการพิจารณาโดยทั่วกัน
ล่าสุดสถานการณ์ดราม่าดีงกล่าวได้คลี่คลายลงเป็นระดับ และสุดท้ายก็จบลงไปด้วยดี ภายหลังจากบริษัทโตเกียวมารีนประกันชีวิตฯ โดยนายสมโพชน์ เกียรติไกรวัล ประธานที่ปรึกษาสำนักกรรมการผู้จัดการ และสายงานตัวแทนของบริษัท พร้อมด้วยเจ้าตัวสาว”กระทิ กะทิยา”สาวอินฟลูฯชื่อดังได้มาออกรายการ”ถกไม่เถียง”กับ”ทิน โชคกมลกิจ”ซึ่งออกอากาศไปเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 24 ต.ค.2566 ที่ผ่านมา ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สี Hd โดยมีนายคณานุสรณ์ เที่ยงตระกูล ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโสฝ่ายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ สำนักงานคปภ.ร่วมพูดคุยกันในรายการ
โดยเริ่มต้นพิธีกรรายการได้ให้”กระทิ”เล่าเรื่องความเป็นมาในการซื้อประกันผ่านตัวแทนเพียงก่อนหน้านี้ไม่นาน และยืนยันว่า เป๋นคนดูแลสุขภาพตัวเองเป็นอย่างดีมาตลอด และอาการเท้าบวมก็เกิดจากการใส่รองเท้าส้นสูง ซึ่งเจ้าตัวก็ยังข้องใจอยู่ว่า เพราะเหตุใดเรื่องของการเท้าบวม จึงมาเกี่ยวข้องกับการผ่าตัดไส้ติ้ง และเป็นผลให้เป็นอุปสรรคในการทำแฟกซ์เคลมไม่ได้ เมื่อได้รับแจ้งจากทางโรงพยาบาลที่ทำการรักษา
จนพิธีกรได้สอบถามทางนายสมโพชน์ผู้บริหารของบริษัทโตเกียวมารีนฯที่มาร่วมรายการ ซึ่งได้รับคำตอบว่า หากกรณีคุณกระทิไม่มีประเด็นเรื่องของเท้าบวม หากทำการรักษาไส้ติ่งเท่านั้น การใช้บริการเรื่องของแฟกซ์เคลมคงไม่มีปัญหา ทางโรงพยาบาลก็ไม่ต้องมาให้ทางคุณกระทิสำรองจ่ายไปก่อน เพราะอาการเท้าบวม ทำให้บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบสภาวะสุขภาพก่อนทำประกันภัย ซึ่งบริษัทก็กำลังดำเนินการอยู่ จนต่อมาวันที่ 18 ตุลาคม 2566 มีการเรียกร้องสินไหมครั้งที่ 2 คุณกระทิได้ใช้บริการผู้ป่วยในกับรพ. ดังนั้นทางบริษัทจึงจำเป็นต้องสงวนสิทธิ์ให้คุณกระทิต้องสำรองจ่ายไปก่อนแล้วนำใบเสร็จมาเบิกบริษัท เนื่องจากการตรวจสอบสินไหมครั้งที่ 1 ยังไม่เสร็จสิ้น
โดยนายสมโพชน์ ได้กล่าวเสริมถึงเรื่องนี้ว่า จริงๆแล้วเรื่องของแฟกซ์เคลม เป็นเพียงบริการเสริมที่เพิ่มเติมขึ้นมาเท่านั้น ไม่ได้เขียนระบุไว้เป็นเงื่อนไขในกรมธรรม์ ซึ่งทุกวันนี้บางบริษัทประกันก็ระบุแฟกซ์เคลมให้ 2 เดือนบ้าง หรือ 3 เดือนบ้าง แล้วแต่เงื่อนไขข้อตกลงของแต่ละบริษัท ส่วนกรณีทำไมจึงเป็นสาเหตุให้ต้องตรวจสอบประวัติจากการที่เท้าบวมก็เพราะว่า ในแง่ของบริษัทก็ต้องการทำให้เกิดความมั่นใจว่า ผู้ทำประกันไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงมาก่อน แล้วมาทำประกัน โดยที่ผ่านมาตนเองได้มีประสบการณ์และผ่านเรื่องราวการเคลมค่ารักษาพยาบาลมาเยอะแยะมากมาย บางคนเกิดเป็นโรคร้ายแรงก่อน แล้วมาทำประกันก็มีจำนวนมาก กว่าบริษัทประกันจะทราบเป็นปีหนึ่งก็ยังมี และเท่าที่ทราบมา อย่างอาการเท้าบวมนั้น ทางการแพทย์เขาจะสันนิษฐานไว้ก่อนว่า มันมีโอกาสเป็นโรคไต หรือโรคบางโรค ซึ่งทำให้ขาบวมทั้งสองขา อย่างงี้เป็นต้น ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้บริษัทฯจำเป็นต้องตรวจสอบให้เกิดความกระจ่าง
ต่อมาพิธีกรก็ได้มายิงคำถามกับนายคณานุสรณ์ ตัวแทนของสำนักงานคปภ.บ้าง ซึ่งก็ได้ให้มุมมองว่า ที่ผ่านมาปัญหาของการใช้บริการแฟกซ์เคลมไม่ได้ แทบจะน้อยมาก มีอยู่ประมาณ 5% ซึ่งตามหลักการแล้วบริการแฟกซ์เคลมไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขระบุไว้ในกรมธรรม์ เพียงแต่บริษัทประกันในช่วงหลังๆมีการแข่งขันกันให้บริการนี้กันจำนวนมาก เพื่อจุดประสงค์ทางการตลาดลูกค้ากัน จึงออกบริการนี้ออกมาดึงดูดใจลูกค้า เพื่ออำนวยความสะดวกและแบ่งเบาภาระให้ลูกค้าไม่ต้องสำรองจ่ายค่ารักษาฯให้กับรพ.ไปก่อน
สำหรับการที่บริษัทประกันขอใช้สิทธิในการตรวจสอบลูกค้าว่า เป็นโรคหรือโรคร้ายใดๆก่อนมาทำประกันหรือไม่นั้นถือว่า เป็นเรื่องที่จำเป็น เพราะมิฉะนั้นแล้ว หากเกิดปล่อยให้ผู้มีโรคร้ายแล้วมาทำประกัน ก็คงไม่สมเหตุสมผล เพราะบริษํทประกันย่อมขาดทุน และส่งผลไปถึงผู้เอาประกันรายอื่นๆที่ไม่เคยมีประวัติการเคลมค่ารักษาพยาบาล ย่อมต้องได้รับผลกระทบกับการถูกชาร์ทค่าเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นไปด้วย ซึ่งมันก็ไม่เป็นธรรม
สุดท้ายช่วงปิดท้ายรายการ พิธีกรได้ถามถึงผลการตรวจสอบของบริษัทโตเกียวมารีนประกันชีวิต ทราบหรือยังว่า คุณกระทิสามารถเบิกเคลมค่ารักษาที่จ่ายไปร่วม 2 แสนบาทได้หรือไม่ ซึ่งทำเอาคุณกระทิลุ้นตำตอบอย่างใจจรดใจจ่อ และตั้งใจฟังคำตอบจากนายสมโพชน์พร้อมๆไปกับแฟนรายการที่รอลุ้นฟังกันอยู่ทางบ้าน ทั้งๆที่บริษัทโตเกียวมารีนฯได้ระบุไว้ก่อนหน้าว่าจะทราบผลอย่างชัดเจนวันที่ 25 ต.ค. ซึ่งปรากฎว่า นายสมโพชน์ได้เฉลยในเวลาต่อมาว่า กรณีของคุณกระทิเท่าที่ได้ทราบผลเข้ามาวันนี้เมื่อช่วงบ่ายพอดี ซึ่งเราดูแล้ว พบว่าประวัติการเข้ารับการรักษาจาก 3 โรงพยาบาลที่ผ่านมา ไม่พบว่ามีปัญหาเกี่ยวกับโรคร้ายแรง ที่เข้าข่ายยกเว้นการรับประกันแต่อย่างใด จึงไม่อยู่ในข่ายบริษัทประกันปฏิเสธการจ่ายได้ ดังนั้นเรื่องของค่ารักษาพยาบาลที่คุณกระทิจ่ายไปก่อน ไม่ต้องห่วง ทางบริษัทพร้อมจะโอนจ่ายให้ทันที ทำเอาคุณกระทิมีสีหน้าดีใจ พร้อมกับยกมือไหว้กล่าวขอบคุณนายสมโพชน์ และพิธีกรรายการ โดยนายสมโพชน์ได้ขอให้ทางคุณกระทิได้กรุณาไลฟ์ชี้แจงถึงพี่น้องประชาชนและแฟนรายการของคุณกระทิด้วย ซึ่งคุณกระทิก็รับปากยินดีที่จะไปสื่อสารต่อ และได้กล่าวขอโทษตัวแทนและนายสมโพชน์ ท่ามกลางปิดท้ายรายการเรื่องดราม่าของแฟกซ์เคลมไส้ติ่งไม่ได้ลงไปด้วยดี เป็นไปอย่างชื่นมื่นทั้งสองฝ่าย