’อนุทิน‘ พร้อมด้วย ‘สิริพงศ์’ นำทีม ภูมิใจไทย และทีมงาน เหมาโรง ชมภาพยนตร์ ‘สัปเหร่อ’ ผลักดันเป็นซอฟพาวเวอร์ไทย แจงเหตุไม่ไปดูพร้อมนายกฯ เพราะ นัด สส.พรรคไว้แล้ว 2 สัปดาห์ ขอสื่ออย่าเล่นข่าวให้เป็นประเด็น
วันนี้ (24 ต.ค. 66) เวลา 15:30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ อดีต สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์สัปเหร่อ สมาชิกพรรค และทีมงานนักแสดงร่วมรับชมภาพยนตร์ที่โรงภาพยนตร์เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน
นายอนุทิน ให้ภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนรับชมภาพยนตร์ โดยกล่าวถึง นายสิริพงศ์ ว่าเป็นผู้อำนวยการสร้าง และเป็นผู้ที่ทำเรื่องเกี่ยวกับซอฟต์พาวเวอร์ต่างๆ ทั้งในด้านกีฬา ดนตรี และสิ่งที่เป็นความสามารถพิเศษของคนไทย ซึ่งนายสิริพงศ์อยู่เบื้องหลังประเด็นเหล่านี้มาโดยตลอด
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นเรื่องความสามารถของคนไทย ทำให้คนไทยมีความภาคภูมิใจ และเป็นโอกาสที่จะทำให้เราวางแผนที่จะทำให้เราทำเรื่องซอฟพาวเวอร์ในเรื่องอื่นๆ ได้อีกเยอะ
อีกทั้ง เราประชุมพรรคทุกสัปดาห์ โดยหลังจากที่ประชุมแล้ว ก็ทราบว่า เรื่องนี้ก็สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ให้ช่วยส่งเสริมเรื่องซอฟพาวเวอร์ โดยเราต้องใช้ผู้แทนของชาวบ้านลงไปพูดคุยอธิบายให้กับชาวบ้านได้ฟังว่าของบางอย่างที่เรานึกไม่ถึง ถ้ามันโดนคนแล้วก็จะเป็นกระแส ซึ่งในที่ประชุมพรรคก็ให้นายสิริพงศ์ช่วยทำให้ สส. ในพรรคได้มารับชมภาพยนตร์เรื่องสัปเหร่อพร้อมกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดถึงไม่มารับชมพร้อมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ในวันพรุ่งนี้พร้อมกัน นายอนุทิน ตอบว่า “เรานัดกันมา 2 สัปดาห์แล้ว ผู้สื่อข่าวต้องไม่เสี้ยมเรื่องนี้นะ“ พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้แย่งซีนกันมาดูก่อน เพราะคนทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็เป็นคนของพรรคภูมิใจไทย
ส่วนนโยบายของกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับเรื่องการผลักดัน และสนับสนุนซอฟพาวเวอร์ในชุมชนนั้น นายอนุทิน ระบุว่า ตอนนี้เราใช้กรมการพัฒนาชุมชน ไปรณรงค์ให้ชาวบ้านผลิตสินค้าที่ทำให้ใช้ได้ ใช้แล้วเกิดคุณประโยชน์ สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านได้ และสินค้าจะต้องใช้ได้ในชีวิตประจำวัน ให้คนไทยไม่รู้สึกเขินอายในการใช้สินค้าไทย ซึ่งจะต้องเป็นสินค้าที่มีคุณภาพด้วย
โดยกรมการพัฒนาชุมชน จะพยายามจะงานแสดงสินค้าโอท็อปปีละ 4-5 ครั้ง และเข้าไปส่งเสริมพัฒนาอาชีพของพี่น้องประชาชน และจะผลักดันในหลายรูปแบบ ไม่ใช่แค่ทำหนังเพียงอย่างเดียว
จากนั้นนายอนุทิน ได้ดึงสายห้อยพระที่คอ ขึ้นมาโชว์ต่อสื่อ พร้อมระบุว่า เป็นสายสร้อยคอที่สามารถรูดขึ้นรูดลงได้ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาของคนไทย และจะไปหาที่ไหนได้จากที่ต่างประเทศ ก่อนจะกล่าวทิ้งท้ายว่า “แบบนี้ถึงเป็นสินค้าที่ใช้งานได้ ผมไม่เห็นจะต้องไปใส่ทองเลย ใส่เชือกร่มนี่แหละสบายดี“
นายอนุทิน ยอมรับว่าไม่ได้ดูหนังในโรงภาพยนตร์นานแล้ว แต่ตอนนี้ละครโทรทัศน์เรื่องพรหมลิขิตเยอะหน่อย และเรื่องนี้เป็นยิ่งกว่าซอฟพาวเวอร์ เพราะทำให้คนได้รู้จักประวัติศาสตร์ด้วย และได้รู้ว่ากว่าเมืองไทยจะมาถึงวันนี้ได้ ต้องผ่านอะไรเยอะแยะไปหมด บรรพบุรุษของเราไม่ยอมตกเป็นเครื่องมือของคนต่างชาติ สุดท้ายคนไทย ก็ต้องกอบกู้ประเทศขึ้นมาจนถึงปัจจุบันนี้
ส่วนจะผลักดันภาพยนตร์เรื่องนี้ไปสู่นานาชาติด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า อย่างน้อยไปประเทศลาวแน่นอน ขณะที่นายกรัฐมนตรี ก็ได้สั่งการในที่ประชุม ครม. ไว้ว่า ให้ทุกหน่วยงานหรือทุกกระทรวงไปช่วยดูโอกาสที่ประชาชนจะพึ่งพาตัวเองได้มากที่สุด