ยังคงเป็นสงครามการสู้รบที่น่ากังวล จนประชาคมโลกต้องจับจ้องมองสถานการณ์อย่างไม่กะพริบตา

สำหรับ สงครามการสู้รบระหว่าง “อิสราเอล” กับกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ของปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ที่เริ่มดำเนินมาตั้งแต่วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคมเป็นต้นมา หลังกลุ่มติดอาวุธฮามาสของปาเลสไตน์ บุกโจมตีอิสราเอลครั้งใหญ่แบบสายฟ้าแลบ ก่อนจะกลายเป็นสงครามการสู้รบอย่างอย่างหนักหน่วง หลังกองทัพอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีโต้กลับอย่างรุนแรง

โดยสถนการณ์สู้รบ ซึ่งไปๆมาๆ มิใช่มีแต่เฉพาะคู่สงครามอย่างกลุ่ม “ฮามาส”อันเป็นกลุ่มติดอาวุธของปาเลสไตน์ที่ใหญ่ที่สุดในฉนวนกาซาเท่านั้น ทว่า ยังมีบรรดากลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ในฉนวนกาซา ได้ร่วมตะลุมบอนกันอย่างฝุ่นตลบ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มปาเลสไตน์อิสลามิกจีฮัด อันเป็นกลุ่มติดอาวุธของปาเลสไตน์ใหญ่เป็นอันดับ 2 และกลุ่มคณะกรรมการป้องกันประชากร หรือพีอาร์ซี ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธใหญ่เป็นอันดับ 3 ของปาเลสไตน์ ที่มาร่วมละเลงเลือด

นอกจากนี้ ก็ยังมีกลุ่มติดอาวุธนอกพื้นที่ฉนวนการซามาเกี่ยวข้อง อย่างกลุ่มเฮซบอลเลาะฮ์ ในประเทศเลบานอน ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธของมุสลิมนิกายชีอะฮ์ ที่มีอิหร่านให้การสนับสนุน ส่งผลให้ประชาคมโลกต้องจับตาจ้องมองด้วยความหวั่นใจว่า สถานการณ์ความขัดแย้งจะลุกลามบานปลายและยืดเยื้อยาวนาน เพราะความซับซ้อนที่มีมากขึ้นจากการเกี่ยวพันของหลายๆ ฝ่าย

ว่ากันในส่วนของความคิดเห็นของชาวอเมริกัน ประชาชนชาวสหรัฐอเมริกา ที่มีต่อสงครามการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธต่างๆ ของปาเลสไตน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มฮามาสจะเป็นเช่นไรนั้น บรรดาสำนักสำรวจความคิดเห็น หรือการจัดทำโพลล์สำนักต่างๆ รวมถึงสำนักสถานีข่าวทั้งหลาย ก็ได้ดำเนินการสำรวจความคิดเห็นและเผยแพร่ออกมา ภายหลังจากไฟสงครามการสู้รบของทั้งสองฝ่ายได้ปะทุลุกโชนขึ้น

โดยการจัดทำโพลล์ของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น หรือซีเอ็นเอ็นโพลล์ ซึ่งดำเนินการสำรวจโดย “เอสเอสอาร์เอส” ผลการสำรวจปรากฏว่า ร้อยละ 50 ของกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม เห็นว่า ปฏิบัติการทางทหารของกองทัพอิสราเอลเพื่อตอบโต้ต่อกลุ่มติดอาวุธฮามาสที่ลอบโจมตีต่ออิสรเอลก่อนนั้น ถือเป็นการตอบโต้ที่ยุติธรรมแล้ว อย่างเต็มที่ ส่วนที่เห็นว่า มีความยุติธรรมเป็นบางส่วนมีจำนวนที่ร้อยละ 20 และที่เห็นว่าเป็นการตอบโต้ที่ไม่ยุติธรรมเพราะอิสราเอลทำเกินกว่าเหตุมีจำนวนเพียงร้อยละ 8 เท่านั้น ขณะเดียวกันก็ยังมีอีกร้อยละ 21 ที่ตอบว่า ไม่แน่ใจว่า การตอบโต้ของอิสราเอลนั้น มีความยุติธรรมหรือไม่

ทั้งนี้ ในความคิดเห็นว่าเป็นการตอบโต้ของอิสราเอลที่ยุติธรรมแล้วข้างต้น เมื่อสำรวจความคิดเห็นแยกย่อยไปในส่วนของประชาชนที่ให้การสนับสนุนพรรคการเมืองต่างๆ และที่เป็นอิสระต่อพรรคการเมือง ก็ปรากฏว่า ถ้าเป็นฝ่ายที่สนับสนุนพรรครีพับลิกัน ก็มีจำนวนมากถึงร้อยละ 68 ด้วยกัน ส่วนที่เป็นพลพรรคเดโมแครต ปรากฏว่า มีจำนวนเพียงร้อยละ 38 เท่านั้น น้อยกว่าผู้ที่ไม่ฝักใฝ่พรรคการเมืองใด คือ เป็นอิสระ ที่มีจำนวนร้อยละ 45

เมื่อสำรวจในประเด็นเดียวกับข้างต้นนั้นของกลุ่มตัวอย่างในแต่ละช่วงอายุ โดยแบ่งผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ก็เห็นด้วยว่าเป็นการตอบโต้ที่ยุติธรรมแล้วดังกล่าว มีจำนวนมากถึงร้อยละ 81เลยทีเดียว แซงหน้ากลุ่มตัวอย่างช่วงอายุอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มตัวที่มีช่วงอายุ 50 – 64 ปี มีจำนวนที่ร้อยละ 56 ส่วนกลุ่มตัวอย่างในช่วงอายุ 35 – 49 ปี มีจำนวนที่ร้อยละ 44 และกลุ่มสุดท้าย คือ ช่วงอายุ 18 – 34 ปี มีจำนวนที่ร้อยละ 27

ในซีเอ็นเอ็นโพลล์ ยังพบด้วยว่า จำนวนถึงร้อยละ 71 หรือเกือบ 3 ใน 4 ของชาวอเมริกัน ล้วนมีความเห็นอกเห็นใจต่อประชาชนชาวอิสราเอลที่ถูกกลุ่มติดอาวุธฮามาสของปาเลสไตน์ ลอบเข้ามาโจมตีครั้งใหญ่แบบสายฟ้าแลบ เมื่อวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา ส่วนชาวอเมริกันที่เห็นอกเห็นใจต่อชาวปาเลสไตน์ซึ่งถูกกองทัพอิสราเอล ปฏิบัติการทางทหารตอบโต้หลังถูกกลุ่มติดอาวุธฮามาสลอบโจมตี ปรากฏว่า มีจำนวนเพียงร้อยละ 41 เท่านั้น หรือน้อยกว่าครึ่งหนึ่ง

เมื่อสำรวจในแบบแยกย่อยไปในกลุ่มผู้สนับสนุนพรรคการเมืองต่างๆ และกลุ่มที่ไม่ฝักใฝ่พรรคการเมืองใด ในประเด็นเกี่ยวกับความเห็นอกเห็นใจที่มีต่อประชาชนชาวอิสราเอลข้างต้น ก็ปรากฏว่า กลุ่มตัวอย่างที่สนับสนนุนพรรครีพับลิกัน มีจำนวนถึงร้อยละ 78 หรือเกือบ 8 ใน 10 เลยทีเดียว ส่วนในกลุ่มตัวอย่างที่เป็นอิสระ ไม่ฝักใฝ่พรรคการเมืองใด มีจำนวนที่ร้อยละ 68 นำหน้าเหนือกว่ากลุ่มตัวอย่างที่สนับสนุนพรรคเดโมแครต ที่มีจำนวนร้อยละ 67

นอกจากนี้ ในการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับความเห็นอกเห็นใจต่อประชาชนชาวอิสราเอลข้างต้น ในกลุ่มตัวอย่างที่เป็นช่วงอายุต่างๆ ปรากฏว่า เป็นกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป มีความเห็นอกเห็นใจมากที่สุด ด้วยจำนวนถึงร้อยละ 87 หรือเกือบ 9 ใน 10 เลยทีเดียว ส่วนกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุน้อยกว่านั้น มีจำนวนที่ร้อยละ 61 ซึ่งก็ยังถือว่า มากกว่าครึ่งหนึ่งของกลุ่มตัวอย่างที่ตอบแบบสอบถาม

ส่วนเรื่องความช่วยเหลือของสหรัฐฯ ที่มีต่ออิสราเอล ก็ได้รับคำตอบว่า ร้อยละ 35 เห็นว่าสหรัฐฯ ช่วยเหลืออิสราเอลอย่างถูกต้องเหมาะสมแล้ว ขณะที่ ผู้ที่เห็นว่าสหรัฐฯ ช่วยเหลือต่ออิสราเอลมากเกินไปมีจำนวนเพียงร้อยละ 15 และผู้ที่เห็นว่าช่วยน้อยเกินไปมีจำนวนร้อยละ 14 ส่วนผู้ที่ไม่แน่ใจมีจำนวนร้อยละ 36

ว่ากันถึงการติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งอิสราเอลกับปาเลสไตน์อย่างใกล้ชิดนั้น ในการสำรวจความคิดเห็นชาวอเมริกัน ก็พบว่า ร้อยละ 51 ตอบว่าจะติดตามอย่างใกล้ชิดมากๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามถึงผลกระทบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากนี้ อันสืบเนื่องจากความขัดแย้งอิสราเอลกับปาเลสไตน์ข้างต้นนั้น ปรากฏว่า ร้อยละ 66 หรือ 2 ใน 3 ของชาวอเมริกัน ก็หวั่นวิตกว่า การสู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธฮามาสของปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา อาจจะลุกลามบานปลาย จนถึงขั้นนำไปสู่การก่อการร้ายในประเทศสหรัฐฯ ขึ้นได้ ซึ่งชาวอเมริกันที่วิตกกังวลต่อการก่อการร้ายที่จะเกิดขึ้นจากผลสืบเนื่องข้างต้นนั้น ปรากฏว่า เป็นผู้ที่สูงอายุมากกว่า 65 ปี ถึงร้อยละ 75 และกลุ่มตัวอย่างที่เป็นสตรีมีจำนวนร้อยละ 72 แต่ที่มากกว่าใครก็เป็นกลุ่มตัวอย่างที่สนับสนุนพรรครีพับลิกันมีจำนวนมากถึงร้อยละ 76