วันที่ 21 ตุลาคม 2566 จากกรณีเมื่อวันที่ 20ต.ค.66 ทีมข่าวลงพื้นที่หลังจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากนางปาลิตา คมกรด อายุ 59 ปี ว่า ยายแคล้ว พึ่งพิง อายุ 85 ปี ที่พักอาศัยอยู่ใน ต.สร่างโศก อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ซึ่งตนเป็นหลานสะใภ้คอยดูแลยายแคล้วมา 20 ปี ถูกเพื่อนบ้านหลอกให้ยายแคล้วย้ายสมุดบัญชีธนาคารไปยังธนาคารอีกสาขา แล้วเปิดบัตรเอทีเอ็ม โดยเพื่อนบ้านเก็บบัตรเอทีเอ็มกับสมุดธนาคารไว้ แล้วไปแอบกดเงินจนหมดบัญชีกว่า 5,500,000 บาท ซึ่งยายแคล้ว กว่าจะรู้ว่าเงินในบัญชีธนาคาร ถูกเบิกออกไปหมดเกลี้ยงร่วม 1 ปีแล้ว และได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้วเมื่อวันที่ 13กรกฎาคม 2566ที่ผ่านมาที่ สภ.พระพุทธบาท และวันที่14ก.ค.ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.บ้านหมอ จ.สระบุรี เพื่อนบ้านถูกจำคุกเพียง 45วันแล้วก็ออกมาลอยนวลแถมขู่ยายแคล้วว่าถ้าเอาเรื่องนี้ไปบอกใครจะฆ่าให้ตาย ทุกวันนี้ยายแคล้วไม่เหลือแล้วอยากจะฆ่าตัวตาย
จากการสอบถามนางปาลิตา คมกรด อายุ 59 ปี เป็นหลานสะใภ้ยายแคล้ว เล่าว่ายายแคล้วได้ฝากเงินไว้ที่ธนาคาร สาขาบ้านหมอ จำนวนเงิน 5 แสนบาท จากการขายที่ดินไป1แปลง แล้วก็ถูกเพื่อนบ้านชื่อลีหลอกไปให้เบิกเงินครั้งละ1หมื่นบาท เพื่อจะเอาไปปล่อยกู้ตกดอก และถูกเพื่อนบ้านชื่อลี แอบใส่จำนวนเงินเพิ่ม จากนั้นเพื่อนบ้านชื่อลีได้หลอกให้ยายแคล้วโอนบัญชีธนาคาร สาขา อ.บ้านหมอ ไปยังธนาคาร สาขา อ.พระพุทธบาท โดยมีเงินอยู่ในบัญชีอยู่อีก 3 แสนบาท ซึ่งการเปิดบัญชีใหม่เพื่อนบ้านชื่อลีได้ให้ยายทำบัตรเอทีเอ็มด้วย แต่ถูกเพื่อนบ้านชื่อลีนำไปเก็บไว้พร้อมกับสมุดบัญชีธนาคาร ยายได้ทวงขอสมุดบัญชีกับบัตรเอทีเอ็มคืนแต่กับถูกปฏิเสธมาตลอด ต่อมาเพื่อนบ้านชื่อลีได้อาสาพายายแคล้วไปตัดผม และพายายไปถ่ายขึ้นรถพี่เขยของเพื่อนบ้านชื่อลี และให้ยายแคล้วไปเบิกเงินเพื่อปิดบัญชีที่ธนาคารสาขาพระพุทธบาท มีการเบิกเงินออกมา 10,700 บาท เพื่อนบ้านชื่อลีได้ดึงเงินจากมือยายไปหมดแล้วคืนยายมา 700 บาท ซึ่งเพื่อนบ้านชื่อลีเป็นคนที่เพื่อนบ้านกลัวกัน โดยถ้ารู้ว่าใครมีเงินจะถูกเพื่อนบ้านชื่อลีตีสนิทเพื่อหลอกยืมเงินซึ่งก่อคดีมาถึง 11 คดี หนึ่งในนั้นก็มีคดีจ้างวานฆ่ารวมอยู่ด้วย ตนรู้สึกว่ากลัวและไมปลอดภัยเนื่องจากเพื่อนบ้านชื่อลีได้ส่งคนมาตามหาตน ตนสงสารยายมากเพราะยายไม่เหลือเงินเลยต้องไปกู้เงินเขามา1แสนบาทเพื่อใช้จ่ายในครอบครัว โดยใช้บัตรเอทีเอ็มกดเงินทั้งหมดจำนวน 284 ครั้ง
ยายแคล้ว พึ่งพิง อายุ 85 ปี เล่าว่า ได้เปิดบัญชีที่ธนาคาร สาขาบ้านหมอ ต่อมาถูกเพื่อนบ้านชื่อลีทำมาตีสนิทหลอกให้ย้ายสมุดฝากจากธนาคาร สาขา อ.บ้านหมอไปที่ธนาคาร สาขา อ.พระพุทธบาท โดยมีเงินในบัญชีเก่าอยู่ 5 แสนกว่าบาท และช่วงที่ย้ายสมุดบัญชีไปที่ธนาคาร สาขา อ.พระพุทธบาทได้นำเงินไปฝากเพิ่มอีก 5 ล้านบาทเนื่องจากขายที่ดินจำนวน 20 ไร่ได้ ซึ่งเพื่อนบ้านชื่อลีได้พายายไปถอนเงินที่ธนาคารบอกว่าขอยืมเงินแล้วจะให้ดอก และให้ยายนั่งรออยู่ในรถแล้วนำใบถอนเงินมาให้ยายเซนต์ชื่อในรถยนต์ ซึ่งทุกครั้งเพื่อนบ้านชื่อลีจะแก้ไขจำนวนเงินตลอด เบิก1หมื่นบาท เพื่อนบ้านชื่อลีก็จะใส่เลขศูนย์เพิ่มเป็น 1 แสนบาท ช่วงที่ย้ายธนาคารไปที่ธนาคารที่สาขา อ.พระพุทธบาท เพื่อนบ้านชื่อลี ใช้เอทีเอ็มที่เปิดมากดเงินมาตลอด ยายเองก็ไม่ทราบมาก่อนเลยจนครั้งสุดท้ายเพื่อนบ้านชื่อลีได้มารับยายเพื่อจะพาไปตัดผม แต่ก็พาไปเบิกเงินพร้อมปิดบัญชีจำนวนเงิน 10,700 บาท เพื่อนบ้านชื่อลีได้แย่งเงินจากในมือยายไป1หมื่นบาท แล้วให้ยายคืน700บาท ยายอยากได้เงินคืนเพราะไม่มีเงินใช้จ่ายแล้วต้องกู้หนี้ยืมสินเขามา 1 แสนบาท ยายอยากได้รับความเป็นธรรมและอยู่อย่างหวาดกลัวเพราะเพื่อนบ้านชื่อลีเคยเข้ามาข่มขู่ว่าถ้าเอานี้ไปบอกใครอีกจะกลับมาฆ่าให้ตาย ทุกวันนี้ยายเครียดยากจะฆ่าตัวตาย
ในวันนี้ช่วงนี้ น.ส.พิม ไหมทอง(มาดามส้ม)ศักดิ์พัตโภคิน ตำแหน่งประธานมูลนิธิดาวเหนือ เข้าช่วยเหลือยายแคล้วโดยจะจัดทนายให้เข้ามาช่วยเหลือเรื่องกฏหมาย ซึ่งในวันพุธที่ 25 ต.ค.นี้จะพายายแคล้วไปที่สำนักนายกรัฐมนตรีเพื่อให้ช่วยเหลือคุณยายเรื่องคดี เนื่องจากผู้ก่อเหตุมีอิทธิพลในพื้นที่ก่อเหตุฉ้อโกงมาเป็นจำนวนมากและหลุดคดีมาแล้วหลายคดี
จากนั้น ผู้สื่อข่าว ได้เดินทางไปยังบ้าน นางลี ( ซึ่งเป็นผู้ต้องหา ) ซึ่งตั้ง อยู่ใน บ้านหนองบัว อ.บ้านหมอ . จ.สระบุรี โดยมีผู้สื่อข่าวได้เข้าไปทำการสอบถามว่านางลี อยู่บ้านไหม ปรากฏว่าคนในบ้านบอกว่าไม่อยู่ และไม่ให้ผู้สื่อข่าวสอบถามอะไรทั้งนั้น จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางกลับ โดยไม่มีการซักถามอะไรอีก