"วราวุธ" ชู อาสาสมัครสังคมสงเคราะห์ "ช่างซ่อมสังคมไทย" ที่กำลังป่วย วอน ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ ซ้ำ กับกลุ่มเปราะบาง 

เมื่อวันที่ 21 ต.ค.66 ที่ ห้องประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทรา บายเซ็นทารา ศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานพิธีเปิดโครงการงานวันสังคมสงเคราะห์แห่งชาติและวันอาสาสมัครไทยประจำปี 2566 พร้อมมอบประกาศเกียรติคุณอาสาสมัครดีเด่น และองค์กรที่มีกิจกรรมทางสังคมดีเด่น  

โดยนายวราวุธ กล่าวตอนหนึ่งว่า ในวันที่ 21 ตุลาคม ของทุกปีเราจะมาร่วมกันระลึกถึงเนื่องจากเป็นวันตรงกับวันพระราชสมภพของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือ "สมเด็จย่า" ตลอดระยะเวลาที่พระองค์ท่านทรงพระราชกรณียกิจต่างๆ ทรงเป็นแบบอย่างให้พสกนิกรชาวไทย คนไทยเราโชคดีที่อยู่ภายใต้พระบรมโพธิสมภารแห่งพระบรมราชจักรีวงศ์มาจนถึง พระบาทสมเด็จพระพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงสืบสานรักษาและต่อยอด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของพระปฐมบรมราชโองการ 

นายวราวุธ กล่าวว่า เราทุกคนเป็นส่วนหนึ่งของทำงานกันในฐานะอาสาสมัครและส่วนหนึ่งขององค์กร ซึ่งสังคมไทยวันนี้กำลังต้องการ "การซ่อม" เพราะมีอาการป่วยอยู่หลายส่วน เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในประเทศไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่า สังคมไทยในวันนี้ต้องมีคนมารักษา ต้องมีคนมาช่วยทำงาน ขอขอบคุณอาสาสมัครทุกคน ขอบคุณทุกองค์กร ที่ได้รับรางวัลในวันนี้ เพราะทุกคนกำลังเป็น ช่างของสังคม เป็นช่างที่กำลังจะมาซ่อมสังคมไทย ที่วันนี้เหลือฟางอยู่ไม่กี่เส้นแล้ว ที่กำลังจะแตกตัวลงไป 

นายวราวุธ กล่าวว่า ความอบอุ่นในครอบครัว สถาบันครอบครัว ในชุมชน และสังคมไทย วันนี้เราต้องมาซ่อมกันใหม่ ถ้าหากขาดซึ่งการทำงานอย่างเสียสละของอาสาสมัครทุกๆคนทุกองค์กร สังคมไทยคงไม่สามารถเดินไปข้างหน้าได้ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของโลกาภิวัตน์ โลกโซเชียลมีเดีย เหตุการณ์ต่างๆ ทำให้เกิดความล่อแหลมมากขึ้น คนรุ่นใหม่มีแนวความคิดที่แตกต่างกันไป ดังนั้นในการทำงาน ต้องขอยกย่องและชื่นชม เพราะการทำงานในฐานะอาสาสมัคร การทำงานเพื่อสังคมโดยที่ไม่มีค่าตอบแทนนั้นมันต้องใช้ใจ

นายวราวุธ กล่าวว่า พ่อบรรหารเคยสอนตนไว้ว่าจะทำงานให้ได้จะทำงานให้สำเร็จต้องใช้ 3 อย่างด้วยกัน อย่างแรกต้องมีเงิน 2.ต้องมีคน 3.ต้องมีใจ หากการทำงานอาสาสมัครแล้วไม่มีใจก็ไม่เกิดประโยชน์ แต่พวกเราในห้องนี้มีครบทั้งสามองค์ประกอบ จึงเป็นโอกาสที่เราจะได้มาเป็นช่างซ่อมสังคมไทย เพื่อไม่ให้เห็น เหตุการณ์หรือเกิดสิ่งที่เราไม่อยากเห็นในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นกับกลุ่มเปราะบางกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ คนพิการ 

นายวราวุธ กล่าวว่า ในนามของกระทรวง พม. ขอขอบคุณทุกท่านทุกองค์กร เนื่องจากกำลังของพวกเรามีอยู่หยิบมือเดียว ถ้าหากขาดการสนับสนุนและทำงานร่วมมือกันของอีกหลายองค์กร หลายหน่วยราชการ และที่สำคัญคืออาสาสมัครที่อยู่ในที่นี้ ตนเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ทำงานอาสาสมัครและสมควรได้รับรางวัล แต่ยังไม่ได้มาอยู่ในห้องนี้ ก็ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านในการทำสิ่งที่ดี ให้กับสังคมไทยต่อไป 

นายวราวุธ กล่าวว่า และไม่ใช่ว่าผู้ที่ไม่ได้รับรางวัล ทางกระทรวง พม. จะไม่เห็นความสำคัญ ฝากไปบอกด้วยว่าทุกการกระทำ และทุกลมหายใจของทุกท่าน ที่กำลังทำงานในฐานะอาสาสมัครให้กับแผ่นดินไทยอยู่นั้น พวกเราทุกคนในนามของกระทรวง พม. ขอบคุณด้วยหัวใจ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การทำดีเช่นนี้จะได้รับการขยายต่อ เผยแพร่บอกเพื่อนบ้านซ้ายขวา หากวันนี้เรากลับไปแล้วสามารถเพิ่มจำนวนอาสาสมัคร เพิ่มจำนวนองค์กรได้ 1:1 ก็เชื่อว่าในปีหน้าจะมีคนที่ได้รับรางวัลมากกว่านี้อีก