แรงงานสตูลในอิสราเอล เปิดคลิปนาทีทางการควบคุมกลุ่ม ฮามาส พร้อมวีดีโอคอลถึงเพื่อนที่ยังขออยู่ต่อเพราะเชื่อว่าจุดที่อยู่นั้นปลอดภัยจากสงคราม ขณะที่ตนหลังเดินทางกลับขอให้ทางการไทยจัดหาประเทศเกาหลี หรือญี่ปุ่นเพื่อไปทำงานแทน เนื่องจากยังมีภาระ และหนี้สิน โดยเชื่อว่างานในต่างประเทศคือคำตอบ
ที่บ้านบันนังปุเลา ซอย 6 (กุโบร์) ต.เจ๊ะบิลัง อ.เมือง จ.สตูล นายโสมนัส พระวิชัย อายุ 44 ปี เป็นหนึ่งในแรงงานไทยในเมืองยาเต็ด ประเทศอิสราเอล ที่เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย โดยทันทีที่ถึงบ้านพบลูกเมียครอบครัว ก็ยังมีความเป็นห่วงเพื่อนคนไทยที่ยังประสงค์จะทำงานต่อโดยไม่ยอมกลับ โดยเห็นว่าสถานที่ทำงานอยู่ห่างไกลจากจุดเกิดเหตุจะขอทำงานต่อไปในภาคการเกษตร
นาย ชาวขอนแก่น เพื่อนของนายโสมนัสแรงงานไทยในอิสสราเอล หลังวีดีโอคอลพูดคุยกัน ยังยืนยันกับสื่อด้วยว่า ยังไม่อยากกลับแม้จะอาศัยอยู่ในอิสราเอลมา 4 ปีแล้ว เพราะจุดเกิดเหตุอยู่ห่างไกลกับที่ฟาร์มเกษตรที่ตนอยู่ประมาณ 70 กิโลเมตร เพราะยังมีภาระหนี้สิน ขออยู่ทำงานต่อไป
ซึ่งแตกต่างกับนายโสมนัส แรงงานชาวสตูลในอิสราเอลที่ต้องรีบเดินทางกลับบ้านในไทย บอกว่า พื้นที่ที่ตนอาศัยอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 12 กิโลเมตร โดยคืนวันเสาร์ ที่ 7 ตนบันทึกภาพนาทีที่ทางการอิสราเอลเข้าควบคุมตัว ฮามาส ไว้ได้ โดยขณะนั้นตนซ่อนอยู่ภายในบ้านพักคนงาน ซึ่งพบว่ากลุ่มดังกล่าวพยายามเข้ามาทำร้ายพวกตนแต่หลบซ่อนตัวได้ เป็นภาพความน่ากลัวมาก นอกจากนี้ระหว่างมีการต่อสู้ระหว่างกันไปมา เห็นมีการยิงกระสุนข้ามศีรษะไปมา และมีการปล่อยกระสุนไอรอนโดมของทางการอิสราเอล ออกมาทำลายอาวุธแตกกระจายกลางอากาศ ซึ่งขณะนั้นตนอยู่ระหว่างทำงานในไร่ผักกระหล่ำปลี และคะน้า นายจ้างให้พวกตนไปหลบในบังเกอร์เพื่อความปลอดภัย ยิ่งสร้างความน่าหวาดกลัว และอยากจะกลับบ้านในทันที
นายโสมนัส เล่าต่อว่า ตนทำงานที่อิสราเอลมานานถึง 5 ปี เดินทางกลับไทยเพียงครั้ง 1 เดียว ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุรุนแรงขนาดนี้ แม้จะได้เงินดีวันละ 2000 บาทไม่รวมโอที ก็ไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ โดยทางครอบครัวยิ่งกังวลกับสถานการณ์ ทำให้ต้องรีบกลับบ้านทันที เพื่ออยู่บ้านสักพักและหาช่องทางไปทำงานต่างประเทศต่อ เพราะมี 13 ชีวิตที่ต้องรับผิดชอบ ทั้งครอบครัว พ่อแม่ตัวเองและ ลูกเมีย ซึ่งคงต้องการให้รัฐบาลช่วยแนะนำในการไปทำงานในประเทศที่ปลอดภัยไม่มีสงคราม
ส่วนทางด้านภรรยา ก็บอกว่า ไม่อยากให้กลับไปทำในประเทศอิสราเอลอีก เพราะความไม่ปลอดภัยหลายอย่าง ซึ่งปรึกษาหารือกันแล้วว่าหากอยากจะทำให้เปลี่ยนประเทศเป็นเกาหลี หรือ ญี่ปุ่นแทน เพราะไม่มีภาวะสงคราม และจำเป็นต้องไปทำงานต่างประเทศเพราะมีภาระหนี้สิน ครอบครัวที่ต้องดูแล สามีส่งเงินกลับบ้านมาแต่ละเดือนไม่น้อยกว่า 40,000 บาท และสูงสุดกว่า 50,000 บาท และจะนำวิชาชีพไฟฟ้า และช่างเชื่อมที่มีอยู่หางานทำในประเทศอื่นต่อไป
ขณะที่ด้านกระทรวงแรงงาน และกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่ลงติดตามและให้ความช่วยเหลือ โดยเฉพาะด้านอาชีพ เพื่อหาช่องทางให้แรงงานไทย รวมทั้งปัญหาอุปสรรคข้อติดขัดหลังเดินทางกลับประเทศแม่