บทเรียนจากความผิดพลาดเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมาของ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ได้สร้างความผิดหวังให้แฟนบอลอย่างมาก เพราะจากฤดูกาลก่อน “ปืนใหญ่” คือหนึ่งในทีมลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก และมาปีนี้มีโอกาสเปลี่ยนจากแค่ลุ้น เป็นได้แชมป์ สูงซะด้วย
จากความผิดพลาดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว “ปืนใหญ่” นำคู่แข่งเกือบตลอด โดย 16 นัดแรกในลีกชนะถึง 14 เกม แต่มาพลาดท่า เกิดอาการแผ่วปลายในช่วง 6 นัดสุดท้าย ซึ่งแพ้ถึง 3 เกม ก็เลยจบแบบเศร้าๆ ได้แค่รองแชมป์ คะแนนน้อยกว่าแมนฯซิตี้ 5 แต้ม
กุนซืออย่าง “มิเกล อาร์เตต้า” ได้พยายามหาสูตรสำเร็จใหม่ๆ และจบลงด้วยการทุ่มทุนซื้อนักเตะไป 200 ล้านปอนด์ วิธีการเล่นกับแท็กติกก็เปลี่ยนแปลง จนแทบจะกลายเป็นทีมใหม่
หากใครได้ติดตามเกมการเล่นของ “ปืนใหญ่” หลังผ่านไป 8 นัด ยังคงเป็นสองทีมที่ไม่แพ้ใครร่วมกับ “สเปอร์ส” ก่อนเข้าสู่ช่วงพักเบรกทีมชาติรอบสอง พวกเขายึดรองจ่าฝูงด้วยการมีแต้มเท่า “สเปอร์ส” เป็นรองแค่ประตูที่ยิงได้เท่านั้น
และหนึ่งในปัจจัยสำคัญ คือ ขนาดของทีมที่ใหญ่ขึ้น ผู้เล่นส่วนใหญ่ในทีม รวมถึงผู้เป็นกุนซือ มีประสบการณ์ในการลุ้นแชมป์แล้ว จึงน่าจะแบกรับความกดดันได้มากขึ้น
จากความล้มเหลวเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา จุดเด่นของ “ปืนใหญ่” คือการขายความดุดัน เพรสซิ่งอุตลุด แต่มาในปีนี้ “ปืนใหญ่” ได้เพิ่มมิติเรื่อง ความชัวร์ ความต่อเนื่องเข้ามา แต่ “ลูกบ้า” ยังไม่หายไปไหน และมีเร่ง มีผ่อน ช่วงที่ผ่อนก็ยังเก็บบอลได้ คุมจังหวะของเกมได้ เรียกได้ว่า “ครบเครื่องต้มยำ” จนมีสิทธิ์เป็นแชมป์ ไม่ต่างจาก “เรือใบสีฟ้า” แมนฯซิตี้ หรือ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ยังไม่นับรวม “ม้ามืด” อย่าง “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ และ “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล
และจากฤดูกาลที่ผ่านมา เข้าสู่ฤดูกาลใหม่ ดูเหมือนจะมีสัญญาณที่บอกว่า “อาร์เซนอล” จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ !!!คือ
1.หลังคว้าแชมป์ติดต่อกัน 3 สมัย ของ แมนฯ ซิตี้ ดูเหมือน แรงจูงใจ จะลดน้อยลงไปตามธรรมชาติ และถึงตอนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าลูกทีมของ “เป๊ป กวาร์ดิโอล่า” มีสถิติการเข้าทำประตู น้อยกว่าฤดูกาลที่ผ่านมาอย่างชัดเจน และดูเหมือนการถูกอาการบาดเจ็บยาวๆ ของ “เควิน เดอ บรอยน์” จะส่งผลเสียหายอย่างหนัก
2.ความไม่แน่นอนของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่ดูเหมือนจะดี แต่ยังไม่สุด ยังมีจุดบกพร่องเรื่องเกมรับ ที่ฤดูกาลนี้ ถูกคู่แข่งยิงนำไปก่อนอยู่ตลอด
3.ความร้อนแรงของ “จ่าฝูง” สเปอร์ส ที่อาจจะเป็นภาพลวงตา เพราะไม่รู้เหมือนกันว่า “ไก่เดือยทอง” จะสามารถยืนระยะได้นานขนาดไหน
อย่างไรก็ตาม ที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นเพียงการวิเคราะห์ และความน่าจะเป็น แต่สุดท้ายแล้ว “แฟนบอลปืนใหญ่” จะได้ฉลองชูถ้วยหรือไม่ คงต้องลุ้นกันยาวๆ หรือปีนี้ จะเป็นปีของ “ปืนใหญ่” สักที