นายยศธน กิจกุศล นายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย เผยว่า  สมาคมฯมีสมาชิกกว่า 200 บริษัท ผลิตเครื่องนุ่งห่มเพื่อการส่งออกเป็นหลัก ซึ่งถ้ารวมกับอุตสาหกรรมสิ่งทออื่นๆ จะสร้างรายได้เข้าประเทศปีละประมาณ 200,000 แสนล้านบาท โดยมีผู้ใช้แรงงานในอุตสาหกรรมนับล้านคน เป็นตัวขับเคลื่อนในการสร้างรายได้ ดังนั้นแนวทางที่รัฐบาลใหม่กำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศที่เอื้อต่อการส่งออกเวลานี้ จึงเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการที่มีนายกรัฐมนตรีมาจากภาคเอกชน จะสามารถช่วยผลักดันเศรษฐกิจได้ดีมากขึ้น โดยเฉพาะนโยบายในการดูแลประชาชน อาทิ การลดค่าน้ำมัน ค่าไฟฟ้า และค่าโดยสารรถไฟฟ้า สิ่งเหล่านี้เป็นการช่วยเหลือประชาชนโดยรวม

ขณะเดียวกันการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ เป็นสิ่งที่ดี เพราะนายกรัฐมนตรีเปรียนเสมือนผู้นำสินค้าของไทยไปประชาสัมพันธ์ให้กับคนอื่นๆ ได้รับรู้ถึงคุณภาพของสินค้าไทย และให้ภาคเอกชนไปทำการปิดตลาดการขายสร้างรายได้ให้กับประเทศ  ซึ่งที่ผ่านมาตลาดส่งของอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทยจะเป็นตลาดสหรัฐอเมริกา สหภาพอียู และญี่ปุ่น มากที่สุด ทั้งนี้หากมีประเทศคู่ค้าใหม่ ๆ เกิดขึ้นก็จะเป็นสิ่งที่ดี

นายยศธน กล่าวถึงการที่รัฐบาลขับเคลื่อนโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทว่า  เป็นการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศได้อย่างดี โดยเฉพาะบุคลากรที่เกี่ยวของกับอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องมีกว่าล้านคน น่าจะใช้เงินนี้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น อาทิ เครื่องนุ่งห่ม อาหาร ค่าเดินทาง หรือสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต อีกทั้งเงินดิจิทัลไม่ใช่แจกเป็นเงินสด ที่จะสามารถเอาไปซื้ออะไรที่ไม่ผิดกฎหมายได้

"ถ้ามีเงินดิจิทัลเข้ามาในระบบแล้ว สมาคมฯก็จะให้ความรู้แก่บุคลากรในการใช้เงินดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ เพื่อให้มีเงินหมุนเวียนในประเทศให้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขับเคลื่อนประเทศ"นายยศธน กล่าว

นายพีรพล ตติยมณีกุล อุปนายกสมาคมอุตสหากรรมเครื่องนุ่งห่มไทย กล่าวว่า สมาคมฯเห็นด้วยกับการที่นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยือนประเทศต่างๆ เพื่อไปทำการเจรจาการค้าให้กับภาพรวมของอุตหสากรรมประเทศ โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ประเทศไทยถือว่าได้เปรียบในการเจรจาการค้า เพราะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานะการณ์ที่เกิดขึ้นกับความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งถ้านายกรัฐมนตรีสามารถไปเจรจาทำความร่วมมือการค้าระหว่างประเทศแถบยุโรป ตะวันออกกลาง อเมริกาใต้ หรือประเทศใหม่ ๆ ก็จะส่งผลดีต่ออุตหกรรมโดยรวมของประเทศได้  ทั้งนี้ประเทศแถบเพื่อนบ้านของไทยที่ผ่านมาได้ประโยชน์จากการทำความร่วมมือมาก่อนประเทศไทย ดังนั้นการที่ประเทศไทยจะทำความร่วมมือเช่นเดียวกัน ทางสมาคมฯก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนเต็มที่

           

"ต้องยอมรับว่าภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกมีปัญหาจากปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ อาทิ ค่าครองชีพ ต้นทุนราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ส่งผลให้มีกำลังซื้อน้อยลง แต่เชื่อว่าหากมีการเจรจาการค่าระหว่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องสิทธิทางภาษี ก็จะส่งผลดีต่ออุตสหกรรมไทยมากขึ้น" นายพีรพล กล่าว

นายนิพนธ์ ชวลิตมณฑียร กรรมการสมาคมอุตสหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย กล่าวว่า สิ่งที่อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม คือ การที่เจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FAT) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู) ให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะตอนนี้ประเทศไทยเสียเปรียบหลายประเทศในเรื่องการส่งออกโดยเรื่องภาษี และเรื่องการส่งเสริมการลงทุนทั้งในประเทศ และการลงทุนของไทยในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับประเทศ (BOI) ซึ่งสมาชิกสมาคมฯ ได้มีการส่งให้ BOI พิจารณา ถ้าพิจารณาให้เร็วก็จะส่งผลดีต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมได้ดีมากขึ้น

           

"เรื่อง FAT เป็นเรื่องที่ค่อนข้างสำคัญมาก เพราะการค้าโลกหลังจากที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิดหมดไป ก็เปลี่ยนระบบการค้าแบบพหุพาคี มาเป็นระบบการค้าเสรีมากขึ้น ซึ่งถ้าประเทศไทยไม่เจรจาการค้ากับใครก็จะเสียเปรียบมากๆ ดังนั้นสิ่งที่รัฐบาลทำในการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศเวลานี้จึงเป็นสิ่งที่ดี ขอให้ทำต่อเนื่อง ซึ่งสมาคมฯก็พร้อมที่จะไปพูดคุยกับรัฐบาล แลกเปลี่ยนความคิด หรือร่วมเดินทางไปกับรัฐบาลในการเจรจา FTA เพื่อเปิดตลาดการค้าใหม่ๆ" นายนิพนธ์ กล่าว

นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า อีกทั้งประเทศไทยเวลานี้ได้มีการพัฒนาจากผู้รับจ้างที่ออกแบบและ ผลิตสินค้าให้กับบริษัทเพื่อนำไปขายในแบรนด์ตัวเอง (ODM) กำลังเปรียบผ่านมาเป็นผู้ผลิตภายใต้รูปแบบและตราสินค้าของตนเอง (OBM) ซึ่งมีโครงการซอฟท์เพาว์เวอร์ของภาครัฐที่ช่วยในการส่งเสริมให้สมาชิกสมาคมฯมีการพัฒนาศักยภาพของตนเองได้มากขึ้น โดยจะเป็นประโยชน์ต่อสินค้าไทยที่จะมีมูลค้าสินค้าสูงขึ้น จึงอยากให้รัฐบาลจริงใจในการผลักดันโครงการซอฟท์เพาว์เวอร์ในจุดนี้

คุณนลินี สุวรรณพัตรา เหรัญญิก สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย กล่าวว่า หลายประเทศในเวลานี้ใช้โครงการซอฟท์เพาว์เวอร์ในการบริหารประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา เกาหลี ญี่ปุ่น โดยใช้ภาพยนต์ วัฒนธรรม สอดแทรกให้คนได้รู้จักสินค้าของเค้าได้มากขึ้น ดังนั้นการที่รัฐบาลจะนำโครงการซอฟท์เพาว์เวอร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ จึงเป็นสิ่งที่ดี และต้องให้มีการทำอย่างจริงจัง ผลักดันให้ทุกส่วนทั้ง เช่น เครื่องนุ่งห่ม อาหาร และแฟชั่น ที่เน้นสินค้าที่ผลิตโดยประเทศไทย เพราะเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ และเป็นที่รู้จักของคนในประเทศ และคนทั่วโลก