ด้วยภาพรวมของธุรกิจโรงแรมในไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 มีแนวโน้มสัญญาณเป็นบวก จึงทำให้ อโมรากรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรมสัญชาติไทยที่ปักหมุดเมืองสำคัญในประเทศออสเตรเลีย และเมืองไทย ล่าสุดใช้งบประมาณ 500 ล้านบาทปรับโฉม อโมรา บีช รีสอร์ต ภูเก็ต สู่โรงแรม 5 ดาว พร้อมขยายโรงแรมเพิ่มในอีก 3-5 ปี อีก 4 แห่ง ไปยังภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเต็มกำลัง ตอบรับการท่องเที่ยวเชิงรุกทั่วโลกที่กำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดย นายเชาวภัทร์ สิริภัทราวรรณ เจ้าของและกรรมการ อโมรา โฮเทล แอนด์ รีสอร์ต ได้สะท้อนแผนการดำเนินงานได้อย่างน่าสนใจ
ขยายโรงแรมครอบคลุมเมืองสำคัญ
โดย นายเชาวภัทร์ สิริภัทราวรรณ เจ้าของและกรรมการ อโมรา โฮเทล แอนด์ รีสอร์ต กล่าวว่า เวลานี้ อโมรากรุ๊ปมีโรงแรมรวม 6 แห่ง ทั้งในเมืองไทยและออสเตรเลีย มีห้องพักอยู่ที่ 1,350 ห้อง พร้อมกันนี้ช่วง 3-5 ปีนี้มีแผนขยายโรงแรมครอบคลุมเมืองสำคัญในออสเตรเลียประมาณ 3 แห่งคือ เมลเบิร์น แอดิแลด และ เพิร์ธ มุ่งเจาะใจกลางแหล่งธุรกิจ ส่วนโรงแรมในกรุงเทพฯ จะเพิ่มอีก 1 แห่ง โดยใช้โมเดลเข้าซื้อกิจการ หรือเป็นไปในรูปแบบการรีโนเวท เป็นต้น
“ผลการดำเนินงานของโรงแรมในออสเตรเลีย อยู่ในระดับที่ดีกว่าประเทศไทย เนื่องจากมาตรการการท่องเที่ยวผ่อนคลายเร็วกว่าประเทศไทย ประกอบกับช่วงต้นปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวในประเทศเดินทางท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงนักท่องเที่ยวจาก สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรด้วย
ออสเตรเลียมี 3 และไทยมี 3 แห่ง
ทั้งนี้ นายเชาวภัทร์ กล่าวต่อว่า โรงแรมในออสเตรเลียของ อโมรากรุ๊ปมี 3 แห่ง ประกอบด้วย 1.โรงแรมอโมรา จามิสัน ซิดนีย์ ระดับ 5 ดาว จำนวน 415 ห้องพัก และเป็นโรงแรมเรือธงคาดว่าในไตรมาส 4 ปี 2566 มีอัตราการเข้าพักอยู่ที่ 90% 2.โรงแรมอโมรา บริสเบน ขนาด 300 ห้องพัก ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับปรุงมีกำหนดเปิดให้บริการในปี 2567 ตั้งเป้าอัตราการเข้าพักในไตรมาสสุดท้ายนี้ที่ 80-85% และ 3.โรงแรมอโมรา ริเวอร์วอล์ก เมลเบิร์น ขนาด 111 ห้องพัก ซึ่งโรงแรมในออสเตรเลียสามารถสร้างรายได้คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70-80% ของอโมรากรุ๊ป
ส่วนเมืองไทยมี 3 แห่ง คือ อโมรา บีช รีสอร์ต ภูเก็ต จำนวน 264 ห้องพัก ตั้งอยู่บริเวณหาดบางเทา ได้ใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท ในช่วงโควิดปรับปรุง เพื่อพัฒนาสู่ระดับ 5 ดาว มีพื้นที่บีชคลับ และสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ห้องแกรนด์บอลรูม ความจุ 300-400 คน ห้องประชุม 2 ห้อง คิดส์คลับ รวมทั้งการยกระดับอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อขยายตลาดสู่ลูกค้ากลุ่มอินเซนทีฟไมซ์ และตลาดคู่รักแต่งงานชาวอินเดียให้เพิ่มมากขึ้น โดยมีกำหนดเปิดให้บริการอีกครั้งในเดือนธันวาคม 2566
ซึ่งตั้งเป้ากลุ่มลูกค้าตลอดทั้งปีเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียและกลุ่มประเทศนอร์ดิก รวม 50% นักท่องเที่ยวจีน ที่เดินทางมาด้วยตัวเองประมาณ 20% นักท่องเที่ยวอินเดียและกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง 15% นักท่องเที่ยวออสเตรเลีย 10% และนักท่องเที่ยวชาวไทยประมาณ 5%
ภูเก็ตจะกลับมาฟื้นตัวและแข็งแกร่ง
สำหรับ โรงแรมอโมรา นีโอลักซ์ กรุงเทพ ในซอยสุขุมวิท 31 ขนาด 60 ห้องพัก ปัจจุบันมีอัตราการเข้าพักในระดับสูง โดยลูกค้าส่วนใหญ่เข้าพักระยะยาว ทั้งนักธุรกิจชาวญี่ปุ่น รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวไทยก็มีมาใช้บริการด้วย และโรงแรมอโมรา เชียงใหม่ อยู่ใกล้กับประตูท่าแพ ขนาด 200 ห้องพัก ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มลูกค้าในประเทศ กลุ่มประชุมและสัมมนาจากคนในพื้นที่ ประมาณ 70-80% โดยคาดว่าไตรมาสสุดท้าย ปี 2566 น่าจะมีลูกค้าชาวจีนเข้ามาประมาณ 30-40%
อย่างไรก็ตาม นายเชาวภัทร์ ยังกล่าวถึงธุรกิจโรงแรมในไตรมาส 4 ปี 2566 จนถึงต้นปี 2567 ว่า มีสัญญาณบวกที่ดี ส่วนหนึ่งจะสังเกตุจากรายได้เฉลี่ยต่อห้องที่ขายได้ในแต่ละช่วงเวลา (ADR) อยู่ในระดับที่สูงขึ้น ส่วนอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องจับตาคือจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยในโอกาสต่อไป
อีกทั้งยังมีการคาดการณ์ไว้ว่า การท่องเที่ยวของภูเก็ตจะกลับมาฟื้นตัวและแข็งแกร่งขึ้นในปี 2566 ทำให้มีอัตราการเข้าพักพุ่งแตะ 80% ในไตรมาสแรก ซึ่งสร้างความมั่นใจให้กับ อโมรา กรุ๊ป ในการเดินหน้าเปิดตัวรีสอร์ตโฉมใหม่อย่างเต็มกำลัง ด้วยข้อมูลจากสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต ระบุแผนการท่องเที่ยวของภูเก็ตปี 2566-2567 ไว้ว่านักท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศจะเดินทางเข้าภูเก็ตมากกว่า 14 ล้านคนภายในสิ้นปี 2566