พ่อแม่หนุ่มแรงงานชาวบุรีรัมย์ ที่เป็นผู้สูญหายจากเหตุสู้รบในอิสราเอลติดต่อไม่ได้นานกว่า 1 สัปดาห์ ยังเชื่อจะมีปาฏิหาริย์พร้อมจุดธูปขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องคุ้มครองลูก หลังล่าสุดมีรายชื่อเป็นผู้เสียชีวิต 1 ใน 3 ราย วอนให้ช่วยติดตามค้นหา จนกว่าจะมีหลักฐานยืนยันจากทางการไทยและอิสราเอลอย่างชัดเจน  พ่อเผยวันสุดท้ายที่วีดีโอคอลคุยกับลูกชายเห็นวิ่งหลบเสียงปืนระเบิดต่อหน้าต่อตาก่อนสัญญาณขาดหาย

ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 18  ต.ค.66  นายธนกร อายุ 64 ปี พร้อมด้วยนางรัญจวน  อายุ 61 ปี พ่อและแม่ของนายเทียนชัย   อายุ 32 ปี แรงงานชาวตำบลบ้านยาง  อ.พุทไธสง  จ.บุรีรัมย์  ได้จุดธูปบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางและขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพนับถือประจำบ้าน ให้ปกป้องคุ้มครองลูกชายที่ทำงานอยู่อิสราเอล  เพราะเชื่อว่าลูกชายยังมีชีวิตอยู่  ถึงแม้จะไม่สามารถติดต่อได้มานานกว่า 1 สัปดาห์ 

ล่าสุดได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่ามีรายชื่อเป็นผู้เสียชีวิต 1 ใน 3 รายของจังหวัดบุรีรัมย์  แต่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการทั้งจากทางการไทยและอิสราเอล   ทางครอบครัวจึงมีความหวังว่านายเทียนชัย ยังมีชีวิตอยู่ จึงวิงวอนขอให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยประสานติดตามและค้นหานายเทียนชัย และพากลับมาบ้านอย่างปลอดภัยด้วย   ซึ่งครอบครัวจะรอจนกว่าจะมีการยืนยันหรือมีหลักฐานจากทางการไทยหรืออิสราเอลชัดเจนก่อน

โดย พ่อและแม่ของ นายเทียนชัย บอกว่า  ลูกชายไปทำงานที่อิสราเอลได้ 2 ปีกว่าแล้ว  ที่ผ่านมาติดต่อลูกได้ตลอดกระทั่งวันที่ 7 ต.ค. ก็คุยวีดีโอคอลคุยกับลูกชายตามปกติ  แต่ขณะคุยกันอยู่ดีๆ ก็เห็นในโทรศัพท์ที่คอลคุยกันว่าลูกชายพยายามวิ่งหลบเสียงปืนและระเบิดก่อนที่สัญญาณจะขาดหายไปและติดต่อลูกชายไม่ได้อีก   ก็คิดว่าลูกอาจจะซ่อนตัวหรือแค่ถูกจับตัวไป  จึงพากันไปไหว้ขอพรพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภาวนาขอให้ลูกปลอดภัย

กระทั่งเช้าวันนี้ (18ต.ค.) มีเจ้าหน้าที่แจ้งว่าลูกชายมีรายชื่อเป็นผู้เสียชีวิต 1 ใน 3 รายแรงงานที่เสียชีวิตของจังหวัดบุรีรัมย์   ก็ตกใจกันทั้งครอบครัวแต่พอเขาแจ้งว่าแม้จะมีรายชื่อเป็นผู้เสียชีวิต  แต่ต้องหลักฐานยืนยันจากทางการอิสราเอลอีกครั้ง  ก็ทำให้ยังมีความหวังและเชื่อว่าลูกชายจะยังมีชีวิตอยู่  และก็ภาวนาให้ลูกปลอดภัย 

ด้าน น.ส.นริสรา  อายุ 29 ปี  ภรรยานายเทียนชัย  บอกว่า  สามีไปทำงานที่อิสราเอลได้ 2 ปีกว่าแล้ว เดือน ม.ค. 67 ที่จะถึงนี้ก็จะครบ 3 ปี  สาเหตุที่สามีตัดสินใจไปทำงานอิสราเอลเพราะได้ค่าแรงสูงกว่าไทย  ล่าสุดได้ขยับขึ้นเป็นหัวหน้าแผนกแพ็คสินค้าก็ได้ค่าแรงเพิ่มขึ้นอีก   ก็ตั้งความหวังว่ากลับจากอิสราเอลครั้งนี้จะมีเงินสร้างบ้านเป็นของตัวเองเพราะทุกวันนี้ยังอาศัยอยู่ที่บ้านปู่กับย่า  แต่พอทราบข่าวว่าสามีมีรายชื่อเป็นผู้เสียชีวิตก็รู้สึกใจหาย  แต่พอเขาก็บอกว่าต้องรอการยืนยันจากทางการอิสราเอลอีกครั้งหนึ่ง  ก็ทำให้มีความหวังอยู่ว่าสามีอาจจะยังมีชีวิตอยู่ก็อยากให้ทางการช่วยติดตามหาสามีด้วย   หากยังมีชีวิตก็อยากให้พากลับบ้านเพราะทุกคนยังรออยู่  โดยเฉพาะลูก 2 คนถามหาพ่อทุกวัน