หมอวรงค์ บุกยื่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน บุกร้องศาลปกครองระงับ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต ชี้ เป็นโครงการ  อุ้มคนรวย เอาคนจนมาบังหน้า ด้านพิสิฐ บ่นเสียดายเงินดิจิทัล 5.6 แสนล้าน  ชี้ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ เตือนรัฐบาลอย่านำเงินออมสินเด็กมาผลาญเล่น  เครือข่ายท้องถิ่น เตือนนายกฯ แจกเงินระวังพังทั้งรัฐบาล ส่วนภาคเอกชน มั่นนโยบายรัฐบาลได้ประโยชน์-ตรงเป้าหมาย แต่แนะใช้แพลตฟอร์มเดิมที่มีอยู่ เพราะทำได้ทันที ขณะที่ รมช.คลัง คาดเคาะข้อสรุป แจกเงินดิจิทัลหมื่นบาทวันนี้  
   
  ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เมื่อวันที่ 18 ต.ค.66 นพ.วรงค์ เดจกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี เขายื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอเรื่องต่อศาลปกครองเพื่อให้ระงับโครงการเติมเงินดิจิตอลวอเล็ตของรัฐบาล เพื่อป้องกันความเสียหายของระบบการเงินการคลังของประเทศในอนาคต และเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับองค์กฎหมายที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชน โดยมี นายปิยะ ลือเดชกุล ผู้อำนวยการสำนักตรวจสอบเรื่องร้องเรียน เป็นผู้รับเรื่อง
    
 โดยในเอกสารยื่นคำร้อง นพ.วรงค์ ได้ร้องขอต่อประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ดำเนินการ ตามมาตรา 22 (1) เสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีการปรับปรุง กฎหมาย กฎ หรือคำสั่ง หรือขั้นตอนการปฏิบัติงานใดๆ บรรดาที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชนหรือเป็นภาระแก่ประชาชนโดยไม่จำเป็นหรือเกินสมควรแก่เหตุและมาตรา 22 (2) แสวงหาข้อเท็จจริงเมื่อเห็นว่ามีผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมอันเนื่องมาจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือปฏิบัตินอกเหนือหน้าที่และอำนาจตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อเสนอแนะต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องให้ขจัดหรือระงับความเดือดร้อนหรือความไม่เป็นธรรมนั้น และ ดำเนินการตามมาตรา 23 (2) รวมถึงเสนอเรื่องต่อศาลปกครองให้พิจารณาวินิจฉัย และมีคำพิพากษา หรือคำสั่งระงับการดำเนินการแจกเงินดิจิทัล หรือที่เรียกเป็นอย่าอื่น 10,000 บาท แก่บุคคลที่มีอายุ 16 ปี ขึ้นไปทุกคน เพื่อระงับยับยั้งมิให้เป็นการก่อหนี้ ก่อความเสียหายสร้างภาระแก่งบประมาณประเทศและระบบการเงินการคลังของประเทศในระยาวต่อไป ทั้งนี้สมควรร้องขอให้ศาลปกครองกำหนดมาตรการชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา ให้ระงับการดำเนินโครงการแจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาทไว้ก่อนระหว่างการพิจารณา เพราะหากมีการแจกเงินไปแล้ว จะเกิดความเสียหายต่องบประมาณและระบบการเงินการคลังของประเทศ ยากทีจะเยียวยาได้
    
 พร้อมกันนี้ นพ.วรงค์ ยังมองว่า นโยบายนี้นายกฯ บอกจะช่วยคนจน แต่ทำไมต้องแจกคนรวย และมีข้อกังขาว่า ทำไมไม่แจกเป็นเงินสด แต่เลือกที่จะแจกเป็นโทเคน ซึ่งการแจกโทเคน จะนำไปสู่การฟอกเงินครั้งใหญ่ ทำให้เกิดการทุจริตครั้งมโหฬาร
    
 ช่วงหนึ่ง นพ.วรงค์ ยังยกเทียบนโยบายนี้ กับนโยบายจำนำข้าว สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่สร้างความเสียหายมหาศาล โดยการอ้างว่าจะช่วยชาวนา ซึ่งนายเศรษฐา ก็อ้างว่าจะช่วยคนจน ผ่านการแจกเงินดิจิทัล 
   
  ที่รัฐสภา นายพิสิฐ ลี้อาธรรม อดีต สส.บัญชีรายชื่อ และประธานนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวแสดงความเห็นต่อนโยบายดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ของรัฐบาล ว่า ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ตนพยายามละเว้นจะวิจารณ์นโยบายของพรรคการเมืองคู่แข่ง แต่ในเมื่อรัฐบาลจะเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ จึงขอตั้งข้อสังเกตไว้ว่า รู้สึกเสียดายเงิน 5.6 แสนล้านบาท เงินจำนวนดังกล่าวหากนำมาแจกคนยากจน ประมาณ 10 ล้านคน เป็นจำนวน 1 แสนล้านบาท ยังพอรับได้ แต่หากนำมาแจกให้พวกเศรษฐี ชนชั้นกลางด้วย ซึ่งใช้เงินไม่กี่วันก็หมด ตนมองว่าเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำโดยใช่เหตุ เรานำเงินจำนวนนี้ไปทำประโยชน์ให้กับประเทศได้อีกมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเราสามารถสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ ด้วยเงินเพียง 4 แสนกว่าล้านบาท จะสามารถอยู่ได้เป็น 10ปี และ 100 ปี เทียบกับที่เราเอามาใช้หมดเปลืองในเวลาเพียงไม่กี่วัน ด้วยเหตุผลว่าได้หาเสียงไว้แล้ว
         
   นายพิสิฐ กล่าวต่อว่าว่า ตนเห็นด้วยกับนักวิชาการที่ออกมาคัดค้าน อีกทั้งเงินดิจิทัลฯ ยังไม่มีรัฐบาลอื่นใดในโลกทำ จึงถูกจับตามองอย่างเป็นข้อกังขาว่าเหตุใดรัฐบาลมาแตะต้องเรื่องนี้ รวมถึงกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ก็ระบุไว้ชัดว่า การพิมพ์ธนบัตรและออกเงินตราเป็นหน้าที่ของ ธปท. จริงอยู่ที่กฎหมายอนุญาตว่า เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แต่เชื่อว่า ตำแหน่งดังกล่าวก็ใช่ว่ามีความรู้ก็มาเซ็นอนุมัติ แต่ต้องมีเหตุผล เพราะหากมีการพิมพ์ธนบัตรดิจิทัลปลอมขึ้นมา ใครจะติดตามรับผิดชอบ เพราะยังไม่มีโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรับผิดชอบเรื่องนี้ ทำไมจึงใช้ช่องว่างของกฎหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคลังดำเนินการได้
      
    "ธนาคารออมสินก่อตั้งโดยรัชกาลที่ 6 และมีคำว่า ออม อยู่ในชื่อ แต่กลายเป็นว่ารัฐบาลนี้ริอ่านจะนำเงินนี้มาผลาญเล่น ซึ่งจะกลายเป็นหนี้สาธารณะ ที่อนาคตเราก็ต้องมาเก็บภาษีคืนให้ ซึ่งก็ไม่ถูกต้อง ไม่เชื่อว่างบประมาณของนโยบายดังกล่าวจะมาจากงบประมาณปี 2567 เพราะต้องใช้เป็นรายจ่าย หากเอาเงินนอกงบประมาณมาใช้ผลาญเล่นก็จะเกิดผลกระทบกับระบบการเงิน จึงไม่อยากเชื่อว่าจะนำอนาคตมาเสี่ยงอย่างที่หลายคนเตือน และทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ก็ตั้งแท่นศึกษาแล้วว่า จะเป็นการทุจริตครั้งใหญ่หรือไม่ ส่วนกรณีหุ้นตกนั้นก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่สะท้อนความรู้สึกของนักลงทุน ว่าไม่มั่นใจกับโครงการนี้"
   
  ขณะที่ นายธีรศักดิ์ พานิชวิทย์ นายกสมาคมพัฒนาการปกครองท้องถิ่นไทย อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ กล่าวว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเพิ่มกำลังซื้อเข้าระบบผ่านเงินดิจิทัลวอลเล็ต  เครือข่ายองค์กรท้องถิ่นได้พิจารณาแนวทางดังกล่าว มองว่าเป็นความตั้งใจที่มีต่อประชาชนแต่เสี่ยงมาก 
    
 นายธีรศักดิ์ กล่าวต่อว่า อยากให้พิจารณานำเม็ดเงินเข้าถึงแหล่งสินค้าภาคเกษตรโดยตรง เช่น ข้าวสารหรือสินค้าอื่นๆที่แปรรูปในระบบสหกรณ์ที่มีอยู่ โดยนำเงินส่วนหนึ่งของนโยบายเงินดิจทัลวอลเล็ต เพิ่มจำนวนเงินเข้าระบบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐโดยมีเงื่อนไขให้สินค้าจากภาคเกษตรโดยตรง และกระจายเม็ดเงินออกเป็น12เดือน  ในกลุ่มที่ไม่ได้มีบัตรสวัสดิการควรเน้นการให้เงินแบบแบ่งส่วนไม่ควรให้เงินครั้งเดี่ยวแต่ควรวางเป้าหมายที่ชัดเจนในการให้เม็ดเงินกระจายในเศรษฐกิจฐานราก
      
 อยากให้ท่านนายกรัฐมนตรี ใช้เงินด้วยความระมัดระวังเพราะวันนี้นโยบายแจกเงินถูกมองว่าเจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่ได้ประโยชน์มากกว่า ผู้ประกอบการในระบบฐานรากซึ่งประกอบด้วย กลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มสหกรณ์ และsmeขนาดกลางขนาดย่อม  ระวังรัฐบาลจะพังเพราะแจกเงินผิดเป้าหมาย 
   
  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (19 ต.ค.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเลต ได้นัดประชุมอนุกรรมการอีกรอบเป็นครั้งที่ 2 หลังจากการประชุมรอบแรก เมื่อสัปดาห์ก่อน ได้มีการให้โจทย์หน่วยงานต่าง ๆ ไปดำเนินการ อาทิ การมอบหมายให้ทางสมาคมธนาคารไปพิจารณในเรื่องของผู้ทำระบบที่จะเติมเงิน เป็นลักษณะ e-Money ที่มีเงื่อนไขผ่านทางกระเป๋าเงินดิจิทัล ขณะเดียวกัน ยังมอบให้กรรมการที่เป็นตำรวจ รับไปดูเรื่องป้องกันการโกง การทุจริต ส่วนกระทรวงมหาดไทย จะช่วยยืนยันร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
    
 นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตามที่มีข้อเสนอมาจากหลายฝ่ายก็พร้อมรับฟัง อย่างในเรื่องเงื่อนไขรายได้ ซึ่งก็ได้มีการให้อนุกรรมการไปพิจารณาเกี่ยวกับเงื่อนไขสำหรับกลุ่มคนที่ควรได้รับการเติมเงิน เช่น หลักเกณฑ์การดูว่าคนรวยเป็นอย่างไร เช่น ควรดูที่เงินฝาก ที่ดิน หรือการเสียภาษี อย่างไรก็ดี โครงการนี้จะไม่ได้ดูเรื่องความรวยหรือจน เพราะเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่โครงการสงเคราะห์ช่วยเหลือคนยากจน แต่ประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ มุมมองการใช้จ่ายของคนที่มีรายได้สูงจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้หรือไม่ หรือเพียงเอาเงินไปออมแทน
     
  "วันที่ 19 ต.ค. จะมีการประชุมและมีความชัดเจน นอกจากนี้ ยังจะมีการพิจารณาเรื่องแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ ก็จะต้องได้ข้อสรุป แล้วนำไปเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบาย หรือคณะกรรมการชุดใหญ่ที่จะประชุมในวันที่ 24 ต.ค.ต่อไป พร้อมทั้งวงเงินที่นำมาใช้นั้นจะไม่ถึง 5.6 แสนล้านบาทแน่นอน เพราะคนที่มีอายุเกิน 16 ปี มีแค่ 5.48 ล้านคน ดังนั้น จะมีกรอบเต็มที่แค่ 5.48 แสนล้านบาท ยังไม่นับรวมเงื่อนไขที่ดูความจำเป็นของกลุ่มคนและคนที่ไม่มาร่วมโครงการ
   
  วันเดียวกัน เมื่อเวลา 12.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นสาธารณรัฐประชาชนจีน นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์หลังการร่วมหารือกับภาคธุรกิจจีน ว่า ในนามของคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) และคณะภาคเอกชนที่เดินทางมาร่วมกับคณะของนายกฯ เพื่อประชุมหารือกับทางฝ่ายจีน โดยเฉพาะคณะภาคเอกชน เราต้องการสร้างความมั่นใจให้ทางจีนเห็นว่าโอกาสทั้งเรื่องของภูมิรัฐศาสตร์ก็จะเป็นโอกาสสำหรับจีนที่จะไปลงทุนในประเทศไทย ทั้งนี้ได้มีโอกาสพูดคุยอุปสรรคต่างๆที่ไทยเข้ามาลงทุนในจีน โดยภาครัฐของจีนได้ให้ความสำคัญกับภาคเอกชนทั้งสองฝ่าย เช่น เรื่องการปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าหรือการละเมิดลิขสิทธิ์ ปลอมแปลงผลิตภัณฑ์ รวมทั้งระบบศุลกากร ซึ่งทางฝ่ายจีนให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจีนได้ควบคุมอย่างเข้มงวด และสร้างความมั่นใจให้กับฝ่ายไทย
   
  ผู้สื่อข่าวถามว่าถ้าจะให้คะแนนและความเชื่อมั่นกับเซลล์แมนที่ชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง อย่างไรบ้าง นายสนั่นกล่าวว่า ถ้าพูดถึงเซลล์แมนที่ชื่อนายเศรษฐา ผมว่าให้เกินร้อยในเรื่องของความตั้งใจ
   
  ผู้สื่อข่าวถามถึงความเห็นเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ในสายตาภาคเอกชนมองเรื่องนี้อย่างไร ประธานกรรมการหอการค้าไทยฯ กล่าวว่า ภาคเอกชนเห็นด้วย ในด้านของเศรษฐกิจโดยทั่วไปตอนนี้เราจะต้องมีมาตรการในการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการที่จะต้องมีเม็ดเงินใส่เข้าไปเพื่อทำให้เศรษฐกิจมีการกระตุ้น เช่นการส่งออกของเราที่ผ่านมามีการชะลอตัวลง อุตสาหกรรมต่างๆหรือแม้แต่ภาคเกษตร คิดว่ายังมีความสามารถเหลือถ้าเราสามารถทำให้ประชาชนมีอำนาจการซื้อหรือกำลังการซื้อก็จะทำให้อุตสาหกรรมเหล่านี้สามารถเพิ่มกำลังการผลิต ประกอบกับการจ้างงานก็จะเพิ่มขึ้นถือเป็นสิ่งที่ดี ขณะเดียวกันเอกชนเห็นว่าอยากจะให้ใช้แพลตฟอร์มที่มีอยู่แล้ว เช่น เป๋าตังของกรุงไทย นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มของเอกชนต่างๆ ใช้ของที่มีอยู่แล้ว ซึ่งจะสามารถใช้ได้ทันทีไม่ต้องไปลงทุนทำใหม่ก็จะดี และเมื่อมีการสร้างงานแล้วก็จะทำให้เงินเข้าระบบการหมุนเวียนหลายรอบด้วยกัน ก็จะเป็นสิ่งที่ดี
   
  วันเดียวกัน ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คําสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 2566  ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ด้วย บริษัทท่าอากาศยานไทย จํากัด (มหาชน) โจทก์ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลาง ขอให้ลูกหนี้ทั้งสิบเอ็ดล้มละลาย และศาลได้มีคําสั่งลงวันที่ 12 กันยายน 2566 ให้พิทักษ์ทรัพย์ของ พลตรีจําลอง ศรีเมือง ลูกหนี้ที่ 1, นายสนธิ ลิ้มทองกุล ลูกหนี้ที่ 2, นายพิภพ ธงไชย ลูกหนี้ที่ 3, นายสุริยะใส กตะศิลา ลูกหนี้ที่ 4, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข ลูกหนี้ที่ 5, นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ลูกหนี้ที่ 6, นายอมรหรืออิทธิหรืออมรเทพหรือรัชต์ชยุตม์ หรืออมรศักดิ์ อมรรัตนานนท์หรือศิรโยธินภักดีหรืออิทธิประชา ลูกหนี้ที่ 7, นายสําราญ รอดเพชร ลูกหนี้ที่ 8, นายศิริชัย ไม้งาม ลูกหนี้ที่ 9, นางมาลีรัตน์ หรือ มาลีรักษ์ แก้วก่า ลูกหนี้ที่ 10 และนายเทิดภูมิไทหรือเทิดภูมิ ใจดี ลูกหนี้ที่ 11 เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483 แล้ว