พาณิชย์ห่วงส่งออกไทยโดนพิษอิสราเอล สั่งเตรียมแผนรับความเสี่ยง พร้อมขับเคลื่อน 3 เดือนสุดท้ายปี๊มรายได้ 12,400 ล้านบาท

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ติดตามสถานการณ์การส่งออกของไทย หลังจากเกิดสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ซึ่งได้รับรายงานเบื้องต้นว่าการค้าไทยกับอิสราเอลไม่มีผลกระทบ แต่ขอให้ไปดูว่าจะมีผลกระทบต่อการค้าไทยกับประเทศอื่นๆหรือไม่ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลต่อโลก ซึ่งจะได้เตรียมมาตรการรับมือ และแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในภาพรวม

ขณะเดียวกันยังได้มอบหมายให้หาช่องทางในการเร่งขยายตลาด เพื่อเพิ่มยอดการส่งออก โดยมีประเทศเป้าหมาย เช่น จีน ตะวันออกกลาง โอเชียเนีย เอเชียใต้ เป็นต้น โดยขอให้ทูตพาณิชย์ของไทยในประเทศต่างๆศึกษาโอกาส และลู่ทางการส่งออกของไทย เน้นเมืองรองของประเทศต่างๆ รวมถึงพิจารณาจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) หรือทำหุ้นส่วนยุทธศาสตร์กับเมืองรองต่างๆเพิ่มมากขึ้น เพื่อเปิดประตูการค้าให้กับไทย ส่วนตนพร้อมที่จะเดินสายสร้างสัมพันธ์ และจัดคณะผู้แทนการค้าไปโรดโชว์ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับผู้ส่งออกอีกทาง

ทั้งนี้ ได้พูดคุยถึงการผลักดัน 3 ประเด็นหลัก เพื่อเพิ่มรายได้เข้าประเทศ อาทิ 1.การพัฒนาผู้ประกอบการ โดยให้กรมฯจัดการอบรมแก่ผู้ประกอบการรายเล็กให้สามารถเติบโตและผลิตสินค้าที่สามารถส่งออกตลาดใหม่ๆ ได้ 2.พัฒนาสินค้าให้เหมาะสม มีความน่าสนใจ และสร้างมูลค่าเพิ่มต่อการส่งออก 3.การเพิ่มช่องทางการค้าใหม่ๆ ซึ่ง 3 เรื่องนี้เป็นหลักสำคัญที่สร้างรายได้ให้กับประเทศ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้ดำเนินการมาตลอดและสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ผลักดันร่วมกัน

สำหรับขับเคลื่อนการส่งออกในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ได้สั่งการให้ทำแผนเร่งด่วน (Quick Win) เพื่อผลักดันการส่งออก โดยได้รับรายงานว่า จะมีการดำเนินกิจกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศรวม 73 กิจกรรม ซึ่งช่วยเพิ่มมูลค่าการส่งออกได้กว่า 12,400 ล้านบาท ส่วนการจัดทำเป้าหมายการส่งออก และแผนงานขับเคลื่อนการส่งออกปี 67 นั้น จะมีการประชุมกับภาคเอกชน และทูตพาณิชย์ในเร็วๆ นี้ คาดว่าจะสรุปได้ในช่วงปลายเดือน ธ.ค.66