ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันพรุ่งนี้ (19 ต.ค.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเลต ได้นัดประชุมอนุกรรมการอีกรอบเป็นครั้งที่ 2 หลังจากการประชุมรอบแรก เมื่อสัปดาห์ก่อน ได้มีการให้โจทย์หน่วยงานต่าง ๆ ไปดำเนินการ อาทิ การมอบหมายให้ทางสมาคมธนาคารไปพิจารณในเรื่องของผู้ทำระบบที่จะเติมเงิน เป็นลักษณะ e-Money ที่มีเงื่อนไขผ่านทางกระเป๋าเงินดิจิทัล ขณะเดียวกัน ยังมอบให้กรรมการที่เป็นตำรวจ รับไปดูเรื่องป้องกันการโกง การทุจริต ส่วนกระทรวงมหาดไทย จะช่วยยืนยันร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ตามที่มีข้อเสนอมาจากหลายฝ่ายก็พร้อมรับฟัง อย่างในเรื่องเงื่อนไขรายได้ ซึ่งก็ได้มีการให้อนุกรรมการไปพิจารณาเกี่ยวกับเงื่อนไขสำหรับกลุ่มคนที่ควรได้รับการเติมเงิน เช่น หลักเกณฑ์การดูว่าคนรวยเป็นอย่างไร เช่น ควรดูที่เงินฝาก ที่ดิน หรือการเสียภาษี อย่างไรก็ดี โครงการนี้จะไม่ได้ดูเรื่องความรวยหรือจน เพราะเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ใช่โครงการสงเคราะห์ช่วยเหลือคนยากจน แต่ประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ มุมมองการใช้จ่ายของคนที่มีรายได้สูงจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้หรือไม่ หรือเพียงเอาเงินไปออมแทน
"วันที่ 19 ต.ค. จะมีการประชุมและมีความชัดเจน นอกจากนี้ ยังจะมีการพิจารณาเรื่องแหล่งเงินที่จะนำมาใช้ ก็จะต้องได้ข้อสรุป แล้วนำไปเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบาย หรือคณะกรรมการชุดใหญ่ที่จะประชุมในวันที่ 24 ต.ค.ต่อไป พร้อมทั้งวงเงินที่นำมาใช้นั้นจะไม่ถึง 5.6 แสนล้านบาทแน่นอน เพราะคนที่มีอายุเกิน 16 ปี มีแค่ 5.48 ล้านคน ดังนั้น จะมีกรอบเต็มที่แค่ 5.48 แสนล้านบาท ยังไม่นับรวมเงื่อนไขที่ดูความจำเป็นของกลุ่มคนและคนที่ไม่มาร่วมโครงการ”