ชาวระนอง นับร้อย ที่มีความเชื่อเรื่องการไหว้พระราหู เป็นการเตือนสติเรา ว่าถึงเวลาเปลี่ยนแปลง เตรียมตัว ตั้งรับกับสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไม่มากก็น้อยทั้งเรื่องการงาน การเงิน โชคลาภ สุขภาพ ให้คลายกังวล จากความไม่สบายใจ จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ อาจมีผลกระทบกับตัวเอง จึงพามากันกราบไหว้พระราหูอาจช่วยให้พ้นเคราะห์ภัยต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะช่วงราหูย้าย
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2566 ค่ำคืนที่ผ่านมา ที่ลานพิธีหน้าสำนักสงฆ์วัดเจ็ดท่อ ตำบลบางนอน อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง ประชาชนนับร้อย เข้าร่วมพิธีไหว้พระราหู โดยถือฤกษ์ไหว้ เวลา 20.12 น. ช่วงราหูย้าย ไปทับลัคนา,ลัคน์วัย,อายุจรของใครก็ตาม ย่อมทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในชีวิต ด้วยการจุดธูปดำคนละ 8 ดอก และถวายเครื่องบูชา ทั้งของคาวหวาน,ผลไม้,น้ำ ซึ่งเป็นสีดำทั้งหมด 12 อย่าง ตามกำลังดาวของพระราหู แทนความหมายต่างๆ ก่อนนำไปตั้งไหว้ หน้าองค์พระราหู โดยของไหว้สีดำทั้ง 12 อย่าง อันได้แก่ ไก่ดำ ซุปไก่ โคล่า กาแฟดำ เฉาก๊วย ถั่วดำ ข้าวเหนียวดำ ขนมเปียกปูน ไข่เยี่ยวม้า ขนมเค๊กบราวนี่ พุทธาดำ โกโก้ดำ เป็นต้น
หลังจากถวายเครื่องบูชา มีการลั่นฆ้อง และร่วมกัน สวดคาถาบูชาพระราหู คาถาจันทบัพพา สำหรับบูชากลางคืน เพื่อให้พระราหูเทวา คุ้มครองดวงชะตา ให้ทุกคนในครอบคัวได้คลาดแคล้ว ปราศจากทุกข์โศก โรคภัยอันตรายใดๆ พร้อมทั้งให้มีความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน มีสุชขภาพกาย สุขภายใจ ที่แข็งแรง คิดสิ่งใดชอบสมดังปรารถนา ทั้งมีโชคลาภ เงินทองไหลมาเทมา ยิ่งๆขึ้นไป ก่อนจะมีการจุดประทัด ดังสนั่นไปทั่วลานพิธี เป็นอันจบพิธี และสามารถนำของถวายกลับไปรับประทาน เพื่อความเป็นสิริมงคล ดลบันดาลให้เกิดโชคลาภ และความเจริญก้าวหน้าในด้านหน้าที่การงาน
ตามตำนานเทวดานพเคราะห์ คัมภีร์เฉลิมไตรภพ “พระราหู” เป็นเทวดาลำดับที่ 8 เกิดจากการที่ “พระอิศวร” ทรงนำหัวผีโขมด 12 หัว มาป่นลงเข้าด้วยกัน แล้วประพรมด้วยน้ำอมฤต จึงบังเกิดเป็นพระราหู ขึ้นมา สีกายเป็นทองสัมฤทธิ์ วิมานสีนิล ทรงครุฑเป็นพาหนะ ส่วนที่พระราหู มีลักษณะเป็น ยักษ์ดุร้าย มีฤทธิ์มาก ผิวดำเหมือนิล สถิตอยู่ในอากาศแวดล้อมด้วยม่านสีดำ มีร่างกายเพียงครึ่งเดียวนั้น มีเรื่องเล่าว่า ตอนกวนเกษียรสมุทร เทวดาฝ่ายเดียวไม่สามารถกวนเกษียรสมุทรให้สำเร็จได้ จึงต้องชักชวนอสูรมาด้วย โดยเทวดาออกอุบายว่าจะแบ่งน้ำอมฤตครึ่งหนึ่งให้ แต่เมื่อกวนจนได้น้ำอมฤตมาแล้วเทวดาก็ออกอุบายหลอกอสูรเพื่อให้พวกตนได้ดื่มน้ำอมฤตก่อน เพราะกลัวว่าถ้าเหล่าอสูรได้ดื่มกินน้ำอมฤตแล้ว อาจจะเป็นภัยในภายภาคหน้าได้ จึงใช้อุบาย ล่อหลอก มอมเมา เหล่าอสูรด้วย สุรา นารี เพื่อให้เหล่าเทวดาได้ดื่มกินน้ำอมฤตก่อน
แต่ราหูได้แปลงตนเป็นเทวดาทำให้ได้ดื่มน้ำอมฤต “พระอาทิตย์” กับ “พระจันทร์” ทราบเรื่องจึงฟ้อง “พระนารายณ์” พระนารายณ์จึงขว้างจักรตัดราหูขาดเป็นสองท่อนแต่ไม่ตาย เพราะได้ดื่มน้ำอมฤตทำให้เป็นอมตะแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงมีร่างกายเพียงครึ่งเดียว โดยท่อนหัวไปอยู่ในอากาศ เป็น “พระราหู” คอยจับกิน (อม) “พระอาทิตย์” และ “พระจันทร์” เพื่อแก้แค้นที่เทพทั้งสองนำความไปฟ้องพระนารายณ์เสมอ หรือที่เรียกกันว่า “สุริยคราส” และ “จันทรคราส” นั่นเอง