วันนี้ (17 ต.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านน้ำได้ประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาแนวทางเตรียมการในการบริหารจัดการน้ำฤดูแล้ง ปี 2566/2567 โดยขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในสภาวะเอลนีโญกำลังปานกลาง และคาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มที่จะรุนแรงขึ้นในช่วงเดือน พ.ย. 66 - ม.ค. 67 จากนั้นจะมีกําลังอ่อนลงและต่อเนื่องไปจนถึงช่วงเดือน ก.พ. - เม.ย. 67 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากในช่วงปลายฤดูฝนนี้มีปริมาณฝนตกเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้สถานการณ์น้ำในแหล่งน้ำต่าง ๆ ดีขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ในระดับหนึ่ง โดยปัจจุบัน (16 ต.ค. 66) แหล่งน้ำทั่วประเทศมีปริมาณน้ำ 60,614 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือคิดเป็น 74% ของความจุเก็บกัก และปริมาณน้ำใช้การ 36,445 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 63% ของความจุใช้การ ซึ่งในช่วงวันที่ 10-16 ต.ค. 66 มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ รวม 3,595 ล้าน ลบ.ม. ทำให้ปัจจุบัน อ่างฯ ใหญ่ ที่ต้องเฝ้าระวังน้ำน้อย มีจำนวนลดลงจากเดิม 11 แห่ง เหลือ 4 แห่ง ได้แก่ เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนทับเสลา เขื่อนปราณบุรี และเขื่อนคลองสียัด และจากการคาดการณ์ปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างฯ ใหญ่ ณ ช่วงต้นฤดูแล้ง (1 พ.ย. 66) พบว่า จะมีปริมาณน้ำ 55,779 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 79% ของความจุเก็บกัก โดยเป็นปริมาณน้ำใช้การ 32,233 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 68% ของความจุใช้การ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อช่วงต้นเดือน ก.ย. 66
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า จากปริมาณน้ำที่เพิ่มมากขึ้นจากฝนในช่วงท้ายฤดู ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบให้ สทนช. บูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทบทวน (ร่าง) มาตรการรองรับฤดูแล้งปี 2566/2567 ทั้ง 9 มาตรการ แบ่งเป็น 3 ด้าน คือ ด้านน้ำต้นทุน ได้แก่ 1) เฝ้าระวังและเตรียมจัดหาแหล่งน้ำสำรอง พร้อมวางแผนเตรียมเครื่องจักรเครื่องมือในพื้นที่เฝ้าระวังเสี่ยงขาดแคลนน้ำ 2) ปฏิบัติการเติมน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ด้านความต้องการใช้น้ำ ได้แก่ 3) กำหนดแผนจัดสรรน้ำและพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ควบคุมการเพาะปลูกข้าวนาปรัง สร้างการรับรู้ให้กับเกษตรกร เตรียมน้ำสำรองสำหรับพื้นที่ลุ่มต่ำรับน้ำนอง 4) บริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามลำดับความสำคัญการใช้น้ำที่คณะกรรมการลุ่มน้ำกำหนด 5) เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำ ประหยัดน้ำ และลดการสูญเสียน้ำในทุกภาคส่วน 6) เฝ้าระวังและแก้ไขคุณภาพน้ำ ด้านการบริหารจัดการ ได้แก่ 7) เสริมสร้างความเข้มแข็งด้านการบริหารจัดการน้ำของชุมชน/องค์กรผู้ใช้น้ำ 8) สร้างการรับรู้ ประชาสัมพันธ์ และ 9) ติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน เพื่อให้มาตรการมีความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ก่อนเสนอในการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2566 ในวันที่ 26 ต.ค. 66 นี้ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ และเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้ติดตามผลการขับเคลื่อนการบริหารศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า ปี 2566 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและพื้นที่ภาคกลาง รวมทั้งติดตามการดำเนินการตาม 12 มาตรการฤดูฝน ปี 2566 ซึ่งที่ผ่านมาทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการติดตามการดำเนินงานและรายงานผลเป็นระยะ ทำให้การขับเคลื่อนมาตรการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์ โดยได้กำชับให้มีการบริหารจัดการน้ำในช่วงปลายฤดูฝนส่งต่อสู่ฤดูแล้งอย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง พร้อมเน้นย้ำความสำคัญของการบูรณาการความร่วมมือในการดำเนินงานอย่างเป็นเอกภาพ โดยมีเป้าหมายให้มีปริมาณน้ำเพียงพอในภาพรวมทั้งประเทศภายใต้สภาวะเอลนีโญ