วันที่ 16 ต.ค.2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ได้แจ้งต่อที่ประชุมครม. ถึงรายละเอียดแนวทางการปรับลดราคาค่าน้ำมันเบนซินในเบื้องต้น เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ที่ทางเจ้าหน้าที่กระทรวงพลังงานเสนอมา  2 ทางเลือก โดยทางเลือกแรก คือ การช่วยเหลือกลุ่มผู้ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างเหมือนที่ทำมาก่อนหน้านี้ โดยใช้เงินเดือนละ 95 ล้านบาท และทางเลือกที่สองเป็นการขยายความช่วยเหลือจากกลุ่มผู้ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เพิ่มไปยังกลุ่มผู้มีรายได้น้อย โดยใช้เงินเดือนละ 4,000 ล้านบาท 

ทั้งนี้ โดยส่วนตัวแล้วตนไม่ค่อยเห็นด้วยกับ 2 แนวทางตามข้อเสนอดังกล่าว เพราะนโยบายของรัฐบาลต้องลดราคาน้ำมันในภาพรวมให้ได้ราคาต่ำสุดของน้ำมันเบนซิน ไม่ใช่ช่วยเหลือเป็นกลุ่ม ๆ จึงได้บอกให้เจ้าหน้าที่กลับไปทำรายละเอียดโดยให้เพิ่มทางเลือกที่ 3 คือลดราคาน้ำมันเบนซินในภาพรวมแบบน้ำมันดีเซล ซึ่งจะนำมาเสนอครม.ต่อไป 

“ครม.ก็เห็นด้วยว่าเอาแนวทางเลือกที่ 3 คือ ลดราคาน้ำมันเบนซินทั้งระบบ” นายพีระพันธุ์ กล่าว พร้อมกับระบุด้วยว่ามี เป้าหมายตั้งใจว่าลดให้ไม่น้อยกว่าดีเซล เช่น ลดลงประมาณ 2.50 บาทต่อลิตร เป็นต้น อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ต้องหารือกับกระทรวงการคลังอีกครั้ง ว่าจะทำได้มากน้อยแค่ไหน รวมไปถึงวิธีการดำเนินการด้วยว่า จะใช้กลไกไหน ทั้ง การใช้กลไกของการลดภาษีสรรพสามิต หรือ ใช้กลไกของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยจะหาข้อสรุปให้ได้ภายในเวลา 2 สัปดาห์ 

นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังมีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างน้ำมันเบนซินทั้งเในรื่องระเบียบ กฎหมายต่าง ๆ ที่ควรต้องปรับใหม่ ส่วนการแก้ปัญหาเรื่องค่าการตลาดนั้น ล่าสุดได้ตั้งคณะกรรมการมาศึกษาโครงสร้างค่าการตลาดน้ำมันขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อไปรายละเอียดทั้งหมด หากเอกชนไม่ให้ความร่วมมือก็ต้องยึดของทางราชการเป็นหลัก 

“เรื่องค่าการตลาด รัฐบาลกำลังตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษาตรวจสอบอย่างเป็นทางการ เพราะให้โอกาสมาชี้แจงทำความเข้าใจเอาตัวเลขมา แล้วไม่มา เมื่อไม่มาก็ช่วยไม่ได้ และคณะกรรมการชุดนี้จะประชุมนัดแรก 18 ตุลาคม นี้ และจะสรุปให้ได้ใน 60 – 90 วัน” นายพีระพันธุ์ กล่าว