WHA Group ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ในการออกหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน ครั้งที่ 2/2566 มูลค่าเสนอขายรวม 1,000 ล้านบาท โชว์ความแป็นผู้นำ สะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท ตอกย้ำศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจ โครงสร้างทางการเงินที่มั่นคง และแผนการขยายธุรกิจที่ชัดเจนและยั่งยืน โดยหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืนที่ออกและเสนอขายในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน

น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group เปิดเผยว่า นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ให้การตอบรับอย่างดีเยี่ยมด้วยยอดจองล้นเกินเป้ากว่า 3 เท่า สำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ส่งเสริมความยั่งยืน ครั้งที่ 2/2566 ของบริษัทฯ มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท หลังจากที่เปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 10-11 ตุลาคม 2566 ผ่านธนาคารยูโอบี ซึ่งป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ โดยการเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวได้แบ่งเป็น 2 ชุด โดยหุ้นกู้ชุดที่ 1 จำนวน 650 ล้านบาท มีอายุ 3 ปี  อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3.69 ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2569 และหุ้นกู้ชุดที่ 2 จำนวน 350 ล้านบาท อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 4.08 ต่อปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ.2571 โดยบริษัทฯ ได้กำหนดตัวชี้วัดและเป้าหมายด้านความยั่งยืนสำหรับหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุด ได้แก่ การลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกประเภทที่ 1 และ ประเภทที่ 2 และการเพิ่มการผลิตน้ำ Reclamation Water ซึ่งเป็นการลดการพึ่งพาการใช้น้ำดิบจากแหล่งน้ำธรรมชาติ สอดคล้องกับพันธกิจ “WHA: WE SHAPE THE FUTURE” ที่มุ่งมั่นในการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ ควบคู่กับการใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อประเทศโดยรวม สำหรับเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินไปชำระคืนหนี้เดิม และ/หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัท

ทั้งนี้ด้วยผลประกอบการที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 ซึ่งสะท้อนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัล จึงทำให้ในเดือนที่ผ่านมา บริษัทได้ปรับเพิ่มเป้าหมายการดำเนินงาน และประกาศพันธกิจใหม่ WHA: WE SHAPE THE FUTURE ซึ่งเป็นแนวคิดที่มุ่งมั่นในการใช้ศักยภาพจากระบบ ECO System ที่ครบวงจรและแข็งแกร่งของทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ เพื่อสร้างคุณค่าและการเติบโตที่ยั่่งยืนให้กับองค์กร ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน รวมถึงการต่อยอดพัฒนาโซลูชันใหม่ๆ เพื่อสร้างโอกาส เสริมจุดแข็งทางการแข่งขันและผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็น The World’s Best Investment Destination สำหรับนักลงทุนจากต่างประเทศทั่วโลก เพื่อเป้าหมายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ-ของประเทศไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

โดยธุรกิจโลจิสติกส์ มุ่งขยายการเติบโตให้ครอบคลุมทำเลยุทธศาสตร์สำคัญในประเทศ และแสวงหาโอกาสใหม่ๆในประเทศเวียดนาม โดยมุ่งเน้นไปที่อุตสาหกรรมที่มีการเติบโตสูง เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า อีคอมเมอร์ซและอุตสาหกรรมที่เป็น New S-curve นอกจากนี้ยังส่งเสริมการสร้างพันธมิตรในระยะยาวเพื่อการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน พร้อมนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านดิจิทัลและแนวปฏิบัติเพื่อความยั่งยืนเข้ามาใช้ทั้งระบบ รวมถึงการให้ความสำคัญกับ Green Logistics ที่เน้นแนวคิดในการบริหารจัดการกิจกรรมด้านโลจิสติกส์ในทุกมิติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการลดต้นทุนโลจิสติกส์ในระยะยาว รวมถึงการคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติไปพร้อมๆกัน สำหรับ Office Solutions บริษัทเดินหน้าขยายโครงการอาคารสำนักงานบนทำเลที่ดีเยี่ยม ซึ่งปัจจุบันมีทั้งหมด 5 โครงการ บนพื้นที่รวมมากกว่า 120,000 ตารางเมตร และเริ่มขยายสู่โครงการพาณิชยกรรมรูปแบบใหม่

ขณะที่ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม  มุ่งรักษาความเป็นผู้นำในประเทศไทยและขยายธุรกิจในเวียดนามให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และมุ่งเน้นการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์อัจฉริยะ (Smart ECO Industrial Estate) และโครงการอุตสาหกรรมมูลค่าสูง ธุรกิจสาธารณูปโภค น้ำ ยังคงเติบโตไปพร้อมกับกลุ่มธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังมุ่งเน้นการ เพิ่มผลิตภัณฑ์ และโซลูชันให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์น้ำมูลค่าเพิ่มตลอดจนหาโอกาสการขยายตลาด สู่ลูกค้าภายนอกนิคม

สำหรับธุรกิจไฟฟ้า บริษัทมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจในประเทศไทย ประเทศเวียดนาม และขยายสู่ตลาดใหม่ในประเทศอื่นๆควบคู่กับการนำนวัตกรรมและความยั่งยืนมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งการหาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจเพื่อสร้าง New S-Curve อาทิ ระบบกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่ (BESS : Battery Energy Storage Systems) ไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) การซื้อขายคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) และเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage : CCUS)

ส่วนธุรกิจดิจิทัล เดินหน้าโครงการการทรานสฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัลภายในองค์กร ช่วยเพิ่มศักยภาพการขับเคลื่อนกลุ่มธุรกิจของ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ให้เดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง และมุ่งสร้างพันธมิตรใหม่ๆ ในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยี นอกจากนี้ ยังทำงานร่วมกับ 3 กลุ่มธุรกิจ ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ในการนำเทคโนโลยีมาสร้างผลิตภัณฑ์และบริการมูลค่าเพิ่ม พร้องทั้งยังมองหาโอกาสในการต่อยอดธุรกิจเพิ่มเติม อาทิเช่น ดิจิทัลเฮลธ์เทค ซึ่งในปัจจุบันได้มีการพัฒนาแอปพลิเคชั่น WHAbit และทดลองนำร่องในการใช้ภายในกลุ่มบริษัทฯ เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ บริษัทเตรียมแผนการขายทรัพย์สินของบริษัทฯ เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (กองทรัสต์ WHART) ภายในไตรมาส 4/2566 ซึ่งคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้ตามแผนและเป้าหมายที่วางไว้ 

“จากภาพรวมเศรษฐกิจซึ่งมีแนวโน้มเป็นบวกมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจที่วางไว้สำหรับสิ้นปี 2566 ขณะเดียวกันก็เสริมศักยภาพในด้านต่างๆยกระดับการพัฒนาองค์กรเพื่อมุ่งสู่การเป็น Technology Company อย่างเต็มรูปแบบในปี 2567 พร้อมเดินหน้าแคมเปญ WHA: WE SHAPE THE FUTURE เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนให้กับผู้คน สังคม และประเทศไทย สอดคล้องกับพันธกิจของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป “The Ultimate Solution for Sustainable Growth”