เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 16 ต.ค.2566 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่  25 บ้านป่าหวาย หมู่ 11 ต.ดอนดู่ อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบ้านของ นาย พิทักษ์ โทแหล่ง อายุ 54 ปีแรงงานไทยในประเทศอิสราเอล ซึ่งทำงานมากว่า 20 ปี จนรู้ภาษาและมีภรรยาเป็นชาวอิสราเอล ซึ่งญาติพี่น้องเห็นภาพคนที่ถูกยิงตายข้างถนนแล้ว ยืนยันว่า เป็นนายพิทักษ์จริง  โดยพบกับบิดาและน้องสาว รวมถึงภรรยาชาวไทย อยู่ที่บ้าน  ซึ่งบิดามีอาการนิ่งและเหม่อ หลังทราบข่าวการเสียชีวิตของลูกชายเมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ครอบครัวติดสินใจบอกพ่อ ว่า พี่ชายตายล้า หลังจากทราบข่าวการเสียชีวิตของลูกชายก็ร้องไห้ฟูมฟายทันที อีกทั้งกินไม่ได้นอนไม่หลับ จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว คิดถึงแต่ลูกชาย เพราะในทุกๆวัน นายพิทักษ์จะโทรศัพท์มาคุยเล่นกับพ่อและครอบครัวทุกวันกระทั่งเกิดเหตุสลดขึ้น โดยนายพิทักษ์ถูกยิงอยู่ภายในรถเก๋งที่นายพิทักษ์ใช้ขับทำงานจนพรุนทั้งคัน ก่อนที่กลุ่มฮามาสจะถีบร่างไร้วิญญาณของนายพิทักษ์ทิ้งอยู่กลางถนนในประเทศอิสราเอลในพื้นที่ใกล้กับฉนวนกาซา

 นางนงลักษณ์ มุ่งหมาย อายุ 52 ปี น้องสาวคนตาย กล่าวว่า  พ่อแม่มีลูก 7 คน นายพิทักษ์เป็นคนที่ 3 เคยแต่งงานมีภรรยาและบุตร 2 คน แต่หย่าร้างกับภรรยาแล้ว ก็เดินทางไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ส่วนบุตรทั้ง 2 คน ป้าหรือพี่สาวของอดีตภรรยาเลี้ยง จนโตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว โดยที่นายพิทักษ์ ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล เกือบ 20 ปี และมีภรรยาที่ประเทศอิสราเอล มีบุตรด้วยกัน 1 คน เป็นหญิงวัย 17 ปีชื่อจิมมี่ เมื่อสองปีที่ผ่านมา พี่ชายเดินทางกลับมาเยี่ยมบ้าน มาหาพ่อ ก็มาได้ภรรยาอีกคน ชื่อนางจำปี พงษ์ไธสง   จากนั้นพี่ชายก็กลับไปทำงาน ขับรถในสวนมันฝรั่ง อยู่กับครอบครัวที่ประเทศอิสราเอล แต่ติดต่อกับทางบ้านและภรรยาชาวไทย รวมถึงติดต่อลูกแทบทุกวัน ซึ่งขณะนี้ลูกทั้งสองคน ทำงานในกรุงเทพฯ


"ลูกๆบอกให้พ่อมารู้ว่าพี่ชายตายในสงครามที่อิสราเอลเมื่อเช้าวันที่ 9 ตุลาคม ที่ผ่านม พ่อรู้เรื่องก็หลั่งน้ำตาไม่เป็นอันกินอันนอนลูกๆจึงต้องคอยดูแลพ่ออย่างใกล้ชิด ซึ่งเหตุการณ์วันเกิดเหตุที่พี่ชายถูกยิงตายนั้น ทราบจากเพื่อนแรงงานเล่าให้ฟังว่า ได้ยินเสียงปืนหลายนัด และพากันหนีหาที่หลบ แล้วมีเด็กวิ่งไปบอกว่าอากู๋ตายแล้ว เขายิงอากู๋ ซึ่งอากู๋คือฉายาที่เพื่อนๆแรงงานเรียกพี่ชายแทนชื่อนายพิทักษ์ โดยพี่ชายถูกยิงในรถเก็งก่อนที่จะถีบร่างทิ้งข้างถนน"

ขณะที่นางจำปี ภรรยานายพิทักษ์ กล่าวว่า ตกลงเป็นสามีภรรยากัน เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ช่วงที่สามีกลับมาเยี่ยมบ้าน และได้คุยโทรศัพท์กับสามีทุกวัน ครั้งสุดท้ายที่ได้คุยคือเช้าวันที่ 7 ต.ค. ช่วงเกิดเหตุรุนแรง สามีติดต่อมาคุยด้วย ในช่วงเวลา 11.23 น.ของประเทศไทย ซึ่งตรงกับเวลา 06.00 น.ของอิสราเอล ซึ่งช่วงที่คุยโทรศัพท์กัน ได้ยินเสียงปืน เสียงระเบิด ถามสามีว่า ทำไมเสียงปืนดังจัง สามีตอบว่า เขาเอาบุญกัน จากนั้นโทรศัพท์ก็ตัดสายไป ได้คุยกันเพียง 4 นาทีเท่านั้น โดยได้มีการพูดคุยกันเรื่องทั่วไป นายพิทักษ์เป็นคนเฮฮามักจะร้องเพลงให้ฟัง กระทั่งในสายโทรศัพท์ของนายพิทักษ์ได้ยินเสียงตูม จึงถามนายพิทักษ์ว่าเสียงอะไร และขอเปิดกล้อง แต่สามีบอกว่าโทรศัพท์เป็นอะไรไม่รู้เปิดกล้องไม่ได้ แล้วก็พูดเหมือนหงุดหงิดจะทุบโทรศัพท์ทิ้ง หลังจากนั้นก็ขาดการติดต่อไป และไม่ได้รับการติดต่อมาอีกเลย

“ติดต่อสามีไม่ได้ใจไม่ดี จึงบอกญาติพี่น้อง ให้แจ้งลูกสาวกับลูกชาย สอบถามข่าวคราวของสามีไปยังพี่น้องที่ประเทศอิสราเอล โดยลูกสาวติดต่อไปหาน้องสาวชื่อจิมมี่ วัย 17 ปี ที่ประเทศอิสราเอล ถามเรื่องพ่อ ให้ตรวจสอบให้ น้องทำการตรวจสอบแล้วแจ้งมาว่า พ่อถูกกลุ่มฮามาสยิงตายแล้ว พร้อมกับส่งรูปมาให้ดู จากนั้นก็บอกญาติพี่น้องที่ทำงานในอิสราเอลตรวจสอบ ซึ่งก็ได้รับคำตอบที่ตรงกันว่า สามีถูกยิงตายในรถเก๋ง แล้วกลุ่มฮามาสลากศพทิ้งข้างถนน จึงสรุปว่าสามีเสียชีวิต”