กลุ่มองค์กรด้านสิทธิผู้หญิง-เด็ก ออกแถลงการณ์ 6 ข้อ ดำเนินการกับนักการเมือง ส.ส.ก้าวไกล คุกคามล่วงละเมิดทางเพศอาสาสมัครพรรค หลังไม่มีความคืบ

     จากกรณีข่าวส.ส.พรรคก้าวไกล ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศอาสาสมัครของพรรค แต่คดีไม่คืบหน้านั้น ล่าสุด กลุ่มองค์กรด้านสิทธิผู้หญิง เด็ก และความเป็นธรรมทางเพศ ได้ออกแถลงการณ์ต่อกรณีการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศโดยผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ลงวันที่ 14 ต.ค.66 ซึ่งมีองค์กร/บุคคลร่วมลงชื่อ 20 ราย ประกอบด้วย 1.แผนงานสุขภาวะผู้หญิงและความเป็นธรรมทางเพศ 2.สมาคมเพศวิถีศึกษา 3.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล 4.มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว 5.เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง 6.มูลนิเพื่อนเยาวชนเพื่อการพัฒนา 7.มูลนิธิขวัญชุมชน 8.เครือข่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต 9.เครือข่ายชุมชนลดปัจจัยเสี่ยง 10.กลุ่มทำทาง 11.มูลนิธิเครือข่ายเพื่อนกะเทยเพื่อสิทธิมนุษยชน 12.องค์กรทีค - พลังทรานส์ 13.เครือข่ายนักกฎหมายเพื่อเด็กและเยาวชน 14.เครือข่ายสร้างเสริมสุขภาพเยาวชน 15.ขบวนการสร้างเสริมสุขภาพประชาชน 16.ภาคีนิติธรรมพลเมือง 17.นางทิชา ณ นคร ผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กและเยาวชน 18.นางสุมณฑา ปลื้มสูงเนิน กลุ่มไม้ขีดไฟ 19.ว่าที่ ร.ต.สมชาย อามีน ทนายความ และ20.นายเจกพันธ์ พรมมงคล สภาประชาชนภาคใต้
    
 โดย ข้อความระบุว่า สืบเนื่องจากกรณีที่มีข่าวส.ส.ก้าวไกล ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมคุกคามทางเพศต่ออาสาสมัครของพรรค โดยผู้เสียหายได้มีการร้องเรียนไปยังพรรคการเมืองต้นสังกัด แต่กระบวนการพิจารณามีความล่าช้า จนเกิดการเผยแพร่ข้อกล่าวหาดังกล่าวผ่านสื่อต่างๆ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และนำมาสู่การตอบโต้ของผู้ถูกกล่าวหาผ่านทางสื่อโซเชียลมีเดีย และการแถลงข่าวความคืบหน้าในการดำเนินการสอบสวนของพรรคเมื่อวันที่ 12 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นบุคคลสาธารณะที่ประชาชนมอบหมายให้ถือครองอำนาจทางการเมือง จึงต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบของสาธารณะอย่างเคร่งครัด ทั้งการปฏิบัติงานตามตำแหน่งหน้าที่ และพฤติกรรมอื่นใดที่อาจขัดต่อกฎหมายและมาตรฐานจริยธรรมของสังคม
    
 กลุ่มองค์กรด้านสิทธิผู้หญิง เด็ก และความเป็นธรรมทางเพศ ขอเรียกร้องต่อพรรคก้าวไกล รวมถึงพรรคการเมืองและองค์กรที่กำกับดูแลผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ ทั้งที่เคยและยังไม่เคยตกเป็นข่าวเกี่ยวเนื่องกับการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศ ให้แสดงเจตจำนงที่ชัดเจนในอันที่จะขจัดการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศในองค์กร และช่วยกันสร้างมาตรฐานสังคมที่ไม่ยอมรับการกระทำผิดทางเพศ โดยดำเนินการ 1.ประกาศนโยบายและมาตรการด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศในองค์กรให้ชัดเจน เป็นรูปธรรม
    
 2.จัดให้มีกลไกรับเรื่องร้องเรียนกรณีการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศที่เข้าถึงได้ง่าย มีความละเอียดอ่อนต่อประเด็นเรื่องเพศ และถือเอาผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง 3.กำหนดขั้นตอนและวิธีปฏิบัติในการตอบสนองต่อข้อร้องเรียนเรื่องการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศที่มีความชัดเจน รอบด้าน มีกรอบเวลาในการดำเนินการโดยไม่ชักช้า มีแนวทางการเยียวยาผู้เสียหาย และมีมาตรการลงโทษผู้กระทำผิดอย่างได้สัดส่วนต่อความผิดที่เกิดขึ้น รวมทั้งยึดถือปฏิบัติตามขั้นตอนและวิธีการดังกล่าวอย่างจริงจัง และแจ้งความคืบหน้าและผลการดำเนินการให้ผู้เสียหายและสังคมได้รับทราบ
   
  4.มีมาตรการในการคุ้มครองผู้เสียหาย ผู้แจ้งเหตุ และพยาน ไม่ให้ถูกกดดัน ข่มขู่ กลั่นแกล้ง หรือได้รับผลกระทบทางลบอื่นใด อันเป็นผลจากการจากร้องเรียนกรณีคุกคามหรือล่วงละเมิดทางเพศ 5.มีมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันปัญหาการคุกคามหรือล่วงละเมิดทางเพศในองค์กร อาทิ การประกาศจุดยืนและนโยบายต่อต้านการกระทำผิดทางเพศให้เป็นที่รับรู้กว้างขวาง การประชาสัมพันธ์กลไกรับเรื่องร้องเรียน การรณรงค์หรือจัดอบรมสร้างเสริมจิตสำนึกเรื่องความเป็นธรรมทางเพศในหมู่สมาชิกองค์กร เป็นต้น
    
 6.ในฐานะองค์กรด้านนิติบัญญัติ พรรคการเมืองควรริเริ่มและผลักดันให้มีการออกกฎหมายเฉพาะด้านเพื่อจัดการปัญหาการการคุกคามทางเพศ โดยกำหนดลักษณะฐานความผิดให้ชัดเจนและครอบคลุมพฤติกรรมที่เป็นการคุกคามทางเพศในลักษณะต่างๆ กำหนดบทลงโทษผู้กระทำผิด และมีมาตรการเยียวยาผู้เสียหาย เพื่อเป็นการป้องปรามการกระทำผิด และให้การคุ้มครองทางกฎหมายที่ชัดเจนแก่ผู้เสียหาย
   
  ทั้งนี้ โดยความคาดหวังว่าพรรคการเมืองและองค์กรกำกับดูแลผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งหลาย จะไม่มีเพิกเฉยหรือมีพฤติกรรมปกปิดปัญหาการกระทำผิดทางเพศโดยสมาชิกขององค์กร แต่จะเป็นกลไกที่มีบทบาทสำคัญในการยกระดับมาตรฐานจริยธรรมและความเป็นธรรมทางเพศในสังคมไทย