วันที่  13 ต.ค. 66 ตั้งแต่ช่วงเช้าถึงค่ำวันนี้  ที่ตลาดสดยะลาและตามร้านจำหน่ายของใช้สำหรับทำบุญเดือนสิบกันอย่างดึกคัก โดยได้มีประชาชนชาวไทยพุทธ ทยอยออกมาจับจ่าย เลือกซื้อขนมตามประเพณีเดือนสิบ กันอย่างต่อเนื่อง ทั้ง ขนมต้ม ขนมลา ขนมพอง ขนมบ้า ขนมดีซำ ขนมเจาะหู เพื่อเตรียมนำไปทำบุญใหญ่ ส่งตา ยาย ที่วัดใกล้บ้าน ส่วนราคาขนม ในปีนี้ยังคงเดิม ขนมลา ก.ก.ละ 140 บาท ขายเป็นพับๆ ละ 50 บาท ขนมเจาะหู 100 ลูก ราคา 100 บาท ขนมต้ม กก.ละ 150 บาท ส่วนขนมพอง ขนมกง ขนมบ้าฯลฯ จัดแบ่งขายเป็นถุงๆ ถุงละ 20-60 บาท

 นายสันติพงษ์  งามวรรณากร หรือที่ชาวตลาดเรียกว่า เฮียกวง  กล่าวว่า  ปีนี้ก็ยังมีผู้คนมาจับจ่ายซื้อของเตรียมไปทำบุญรับตา-ยาย หรือวันทำบุญในวันส่งเปรตกันน้อยกว่าคราวที่แล้ว เนื่องจากมีวันหยุดยาว ส่วนใหญ่ก็จะเดินทางไปทำบุญกันที่บ้านยังต่างจังหวัดกัน ส่วนตนเองได้มีลูกค้าสั่ง ขนมที่ใช้ทำบุญกันจำนวนมาก อาทิ ขนมเจาะหู  ขนมลา ขนมต้ม และอื่นๆ  นอกจากนี้ตนเองได้ทำ  “หมรับ” เป็นการสืบสานต่อประเพณีรำลึกถึงบรรพบุรุษ เริ่มจากพิธีกรรม "ยกหมฺรับ" หรือ สำรับอาหาร อันเป็นหัวใจของงานบุญสารทเดือนสิบ สื่อความหมายถึงสิ่งจำเป็นของการอุทิศให้ดวงวิญญาณ

  “ ประเพณีวันสารทไทย หรือ วันสารทเดือนสิบ เป็นประเพณีทำบุญ ในเดือน 10 เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ตามความเชื่อทางพุทธศาสนา ถือว่า พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตายาย และญาติพี่น้องที่ล่วงลับไปแล้ว โดยเฉพาะผู้ที่ต้องตกนรก หรือเรียกว่าเปรตนั้น จะได้รับอนุญาตให้มาพบกับญาติของตนในเมืองมนุษย์ได้ ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 และกลับไปสู่นรกดังเดิม ในวันแรม 15 ค่ำ เดือน 10  การทำบุญในประเพณีนี้ จะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ วันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 เป็นวันบุญแรก และวันส่งตา ยาย แรม 15 ค่ำ เดือน 10 ตรงกับซึ่งเป็นบุญหลัง การทำบุญของประชาชนส่วนใหญ่ ก็จะนิยมไปทำบุญกัน ในวันบุญหลัง หรือวันส่งตายาย เนื่องจากมีความสำคัญมากกว่า”  นายสันติพงษ์  กล่าว

 

ทั้งนี้ ในเรื่องของความปลอดภัย ก็ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง คอยดูแลประชาชนที่จะเดินทางไปทำบุญในวันพรุ่งนี้ อย่างเข้มงวด