คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์  เศรษฐช่วย

แทบไม่น่าเชื่อเลยที่ประธานสภาคองเกรสสหรัฐฯคนใหม่“เควิน แมคคาร์ธี”ที่เพิ่งรับตำแหน่งได้แค่เพียงแปดเดือนเท่านั้น แถมยังเป็นคนใกล้ชิดสนิทสนมของ “อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” อีกด้วย แต่กลับปรากฏว่าเมื่อวันอังคารที่แล้วเขาถูกปลดกลางอากาศจากกลุ่มนักการเมืองขวาตกขอบหัวรุนแรง 8 คน โดยมี “ส.ส.แมตต์ เกตซ์” จากรัฐฟลอริด้า ซึ่งเป็นผู้ที่มีความสนิทสนมกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ด้วยเช่นกัน เป็นแกนนำในการขับไล่ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐฯเลยทีเดียว

แท้ที่จริงแล้วที่ผ่านมาส.ส.แมตต์ เกตซ์ ก็เคยมีประวัติด่างพร้อยทำให้สภาผู้แทนราษฎรเกิดความวุ่นวาย เพราะเขาโดนตั้งข้อหาล่วงละเมิดทางเพศมาก่อนหน้านี้ แต่หลังจากที่โค่นประธานสภาฯแมคคาร์ธี ได้เป็นผลสำเร็จ กลับวางตัวเงียบหายเข้ากลีบเมฆจนเพื่อนๆนักการเมืองในสภาผู้แทนฯสังกัดพรรครีพับลิกันเดียวกับเขาต่างคิดกันว่า คงจะมีอะไรในกอไผ่ที่เขาคงต้องการผลประโยชน์ต้องการหาแสงมีชื่อเสียง!!!

ทั้งนี้พรรคเดโมแครตที่มีเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนฯก็นิ่งเฉยไม่ยอมช่วยเหลือประธานสภาเควิน แมกคาร์ธีแต่อย่างใด โดย “ฮิลลารี คลินตัน” ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า “แมคคาร์ธีเป็นนักการเมืองที่ไม่น่าเชื่อถือ”

และทันทีที่ประธานสภาฯแมคคาร์ธี ถูกปลดออกจากตำแหน่ง ปรากฏว่ามีนักการเมืองหัวอนุรักษนิยมขวาตกขอบของพรรครีพับลิกัน 2 คน

นั่นก็คือ “สตีฟ สกาลิส” มือขวาลิ่วล้อของอดีตประธานสภาฯแมคคาร์ธีแถมยังมีความจงรักภักดีกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ และ “จิม จอร์แดน”อดีตแชมป์มวยปล้ำระดับมหาวิทยาลัยสองครั้งในสมัยที่เขาศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน และขณะนี้ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการตุลาการของสภาผู้แทนฯกระบอกเสียงคนสำคัญของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์อย่างแข็งขัน

และเท่าที่ผ่านมาทั้งอดีตประธานสภาฯแมคคาร์ธี สตีฟ สกาลิสและจิม จอร์แดนต่างมีความจงรักภักดีต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์อันที่จริงรัฐธรรมนูญสหรัฐฯมิได้กำหนดให้ประธานสภาฯเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ควรทำหน้าที่รับใช้ทั้งสภาและได้รับความเคารพเชื่อถือจากชาวอเมริกันทุกกลุ่ม เป็นที่น่าสังเกตอีกเช่นกันว่า แม้แต่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ยังออกมากล่าวแถลงว่า “หากได้รับเกียรติข้าพเจ้าก็พร้อมที่จะรับตำแหน่งประธานสภาฯ”

อนึ่งปรากฏว่า “ส.ส.แพทริค แมคเฮนรี” พันธมิตรคนสนิทอีกคนหนึ่งของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ ได้รับเลือกให้เข้าไปดำรงตำแหน่งประธานสภาฯแบบชั่วคราว การต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งประธานสภาฯคนใหม่สร้างความตึงเครียดและมีความดุเดือดค่อนข้างสูง เพราะโจทย์อยู่ที่ว่าใครก็ตามที่จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาฯจะต้องได้รับเสียงอย่างน้อย 217 เสียงขึ้นไป!!!

และดูเหมือนว่าขณะนี้พรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนราษฎรกำลังระส่ำระสายซดเกาเหลาแตกแยกกันอย่างหนัก แนวโน้มของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานสภาฯยังมีความมืดมน อีกทั้งพรรครีพับลิกันก็ยังมีแนวโน้มว่าจะหันเหเอนเอียงไปทางกลุ่มขวาตกขอบมากขึ้นตามลำดับ ทำให้เกิดโจทย์ที่ว่า เพราะเหตุใดและทำไม?พรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนฯจึงเอนเอียงไปทางกลุ่มอนุรักษ์นิยมขวาจัดตกขอบมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีผลทำให้ภาพพจน์ของพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนฯเสียเครดิตจนงานของพรรครีพับลิกันในสภาผู้แทนฯหยุดชะงักราวกับเป็นอัมพาต

อนึ่งวิกฤตที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นเวลาเดียวกันกับสภาคองเกรสก็มีวิกฤติเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะยังมีเวลาเหลืออีกไม่ถึงสี่สิบวันที่ทั้งสองพรรคการเมืองจะต้องผ่านงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อมิให้การบริหารงานของรัฐบาลต้องหยุดชะงักหรือปิดตัวลง (Shutdown) ตามมาด้วยงบประมาณช่วยเหลือสงครามของยูเครน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญที่สหรัฐฯจำต้องรักษาหน้าในความเป็นมหาอำนาจผู้นำระดับโลกเอาไว้ให้ได้

โดยวันที่ 17 พฤศจิกายน 2023 ที่จะถึงนี้สภาคองเกรสจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องผ่านงบประมาณใหม่ให้ผ่านพ้นไปให้ได้

เมื่อวันเสาร์ที่ 30 กันยายน 2023 ที่ผ่านมา วุฒิสภาของสหรัฐฯได้ผ่านงบประมาณชั่วคราวไปได้แบบฉิวเฉียดเส้นยาแดงผ่าแปดตามเวลาที่กำหนดเอาไว้ว่า “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน”จะต้องเซ็นงบประมาณใหม่ให้เสร็จก่อนสิ้นเดือนกันยายน

อย่างไรก็ตาม “ส.ส.ฮาคีม เจฟฟรีส์” ผู้นำของพรรคเดโมแครตที่คุมเสียงข้างน้อยออกมากล่าวยืนยันว่า “จะร่วมทำงานเพื่อให้งบประมาณใหม่ผ่านสภาคองเกรสภายในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2023 นี้อย่างแน่นอน”

อย่างไรก็ตามจุดยืนของ“สตีฟ สกาลิส” และ “จิม จอร์แดน” เกี่ยวกับนโยบายต่อสงครามยูเครนก็แตกต่างกัน โดยสตีฟ สกาลิสได้โหวตเห็นชอบกับนโยบายของประธานาธิบดีโจ ไบเดนในการช่วยเหลืองบ 300 ล้านดอลลาร์แก่ยูเครนเมื่อเร็วๆนี้

แต่ในทางตรงกันข้าม จิม จอร์แดนไม่เห็นด้วยกับการช่วยเหลือยูเครนทั้งในอดีตและในอนาคตทำนองเดียวกันกับอดีตประธานาธิบดีทรัมป์

ในกรณีสนับสนุนอิสราเอลนั้นทั้งสตีฟ สกาลิสและจิม จอร์แดนต่างแสดงการสนับสนุนอิสราเอลอย่างชัดเจนสืบเนื่องมาจากกลุ่มติดอาวุธฮามาสซึ่งปกครองฉนวนกาซามาตั้งแต่ปี 2007 ได้เปิดฉากโจมตีอิสราเอลเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

และเป็นที่น่าสังเกตว่าที่ผ่านมา อดีตประธานสภาฯเควิน แมคคาร์ธี วางแผนสกปรกโดยร่วมมือกับส.ส.แพทริค แมคเฮนรี ที่ขณะนี้กำลังรักษาการประธานสภาฯ บังคับให้“อดีตประธานสภาฯแนนซี เพโลซี” ย้ายห้องทำงานเดิมขณะที่เธอเดินทางไปร่วมพิธีศพของ “อดีตวุฒิสมาชิกไดแอน ไฟน์สไตน์” ที่เพิ่งเสียชีวิตที่ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเรื่องราวเยี่ยงนี้โดยมารยาทแล้วเขาจะไม่ปฏิบัติกัน!!!

กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นแม้ว่าสตีฟ สกาลิสและจิม จอร์แดนต่างสังกัดกลุ่มอนุรักษ์นิยมขวาจัดแต่ดูเหมือนว่าสตีฟ สกาลิสจะมีความยึดหยุ่นกว่าทั้งในด้านการทำงานร่วมมือกับนักการเมืองของค่ายเดโมแครตและนโยบายต่างประเทศ แต่การที่“ประธานสภาฯเควิน แมคคาร์ธี”ถูกปลดแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวนับเป็นเรื่องแสนแปลกที่ โดยกลุ่มอนุรักษ์นิยมเพียงแค่แปดคน ทั้งๆที่อยู่ในตำแหน่งมาแค่แปดเดือนที่มิเคยเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์การเมืองของสหรัฐฯมาก่อนเลย เท่ากับว่าขณะนี้สภาผู้แทนฯปราศจากประธานสภาฯ ซึ่งตามแม่บทของรัฐธรรมนูญหากเมื่อใดก็ตามที่สภาผู้แทนฯขาดผู้นำ ก็จะมีผลทำให้สภาผู้แทนฯทำอะไรไม่ได้ เหมือนดั่งเป็นอัมพาตถูกแช่แข็ง โดยร่างกฎหมายสำคัญๆก็ไม่สามารถจะผ่านสภาได้ นอกจากนั้นแล้วหากวันที่ 17 พฤศจิกายน 2023 นี้สภาคองเกรสไม่สามารถเจรจาเพิ่มเพดานหนี้สาธารณะได้ ก็ยิ่งจะส่งผลร้ายให้เกิดกระทบกระเทือนต่อความเป็นอยู่ของคนอเมริกันทุกๆคน และยังจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ด้านลบที่จะทำให้ทั่วโลกต่างมองกันว่า สหรัฐฯถังแตกไม่สามารถชำระหนี้ตามข้อผูกมัดได้ โดยขณะนี้สหรัฐฯมีหนี้สาธารณะกว่า 33 ล้านล้านดอลล่าร์ อีกทั้งสภาผู้แทนฯก็จะต้องตัดสินใจว่าจะยุติหรือจะช่วยเหลือกับสงครามยูเครนต่อไปรวมทั้งความช่วยเหลือต่ออิสราเอลด้วย ส่วนเรื่องที่ใครจะเข้าไปเป็นประธานสภาฯคนต่อไปที่จะต้องได้รับเสียงสนับสนุนเกิน 217 เสียงขึ้นไป และยังมีอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สนใจจะเข้าลงแข่งขันด้วย เมื่อดูจากแนวโน้มของบรรดาผู้ที่เสนอตัวจะเข้าไปรับตำแหน่งประธานสภาฯแต่ละคนแล้ว ทุกๆคนต่างก็มีอดีตไม่ค่อยจะสวยงามน่าปลาบปลื้มสักเท่าใดนัก เท่ากับว่าขณะนี้สภาผู้แทนฯของสหรัฐอเมริกากำลังเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ที่ยังหาทางออกไม่เจอละครับ