นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานอนุกรรมการขับเคลื่อนการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต เปิดเผยว่า รัฐบาลพร้อมรับฟังข้อห่วงใยของทุกฝ่ายเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท เพื่อนำมาปรับปรุงเงื่อนไขการแจกเงินให้เหมาะสมและรอบคอบมากที่สุด ล่าสุดมีข้อห่วงใยจากคณะกรรมการป้องกันการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือป.ป.ช.ที่ได้มีการตั้งคณะกรรมเพื่อติดตามตรวจสอบการดำเนินนโยบายนี้ ซึ่งตนเองมองว่า เป็นเรื่องที่ดีที่หน่วยงานรัฐ ซึ่งดูแลเรื่องนี้มาช่วยดูให้เกิดความรอบคอบ จะเกิดประโยชน์ที่ดีมาก

"เราพร้อมที่จะเข้าไปพบกับคณะกรรมการป.ป.ช.และพบกับคณะกรรมการที่มาตรวจสอบเรื่องการใช้จ่ายเงิน พร้อมแลกเปลี่ยนข้อมูล เพื่อขจัดข้อสงสัย รับฟังคำแนะนำของป.ป.ช.เพื่อนำมาปรับใช้ให้กลไกของนโยบายของเรามีความสมบูรณ์ เมื่อมีการนัดหมาย ผมจะไปชี้แจงด้วยตัวเอง"

อย่างไรก็ตามรัฐบาลจะเร่งพิจารณาโครงการแจกเงินดังกล่าวให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้นโยบายดังกล่าวได้นำมาใช้ได้ภายในไตรมาสแรกของปีหน้า ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการเข้าไปกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 มีความล่าช้า ซึ่งจะนำมาใช้ได้เร็วสุดภายในเดือนเม.ย.2567

ทั้งนี้แม้การพิจารณาเงื่อนไขโครงการนี้ จะมีข้อจำกัดด้วยเงื่อนเวลา แต่รัฐบาลจะพิจารณารายละเอียดโครงการนี้ ด้วยความรอบคอบและรัดกุม โดยขอให้คณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวยึดกรอบการพิจารณาตามวินัยกฎหมาย 3 ฉบับ คือ พ.ร.ฎ.การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง และ พ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ และยืนยันการแจกเงินในโครงการจะไม่มีความรั่วไหล ฉะนั้นจึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการทุจริต

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เงื่อนไขการแจกเงินที่คลอบคลุมระดับฐานรากที่กระจายทุกภูมิภาคของประเทศ จะช่วยกระชากให้เศรษฐกิจไทยสามารถขยายตัวได้ตามศักยภาพที่ระดับประมาณ 5% จากปัจจุบันที่ขยายตัวได้เพียง 2% เท่านั้น