สยามรัฐ ยึดมั่นอุดมการณ์ปกป้องเทิดทูนสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ยืนหยัดรับใช้สังคมด้วยจิตสำนึกแห่งความรับผิดชอบ ...*...

ฝนตกทางโน้น หนาวถึงคนทางนี้ แม้ศึกยิว-ปาเลสไตน์ ที่ระอุขึ้นอีกครั้ง ยังไม่ได้ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอะไรมากมาย แต่ก็ได้ก่อให้เกิดความหวั่นไหวไปทั้งประเทศไทย เพราะมีผู้คนบ้านเรากว่า 3 หมื่นคนพำนักอยู่ในอิสราเอล และในจำนวนนี้เป็นนักรบแรงงานราว 5 พันชีวิตที่ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่สู้รบ ...*...

จากข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ มีคนไทยถูกลูกหลงตายแล้วถึง 20 ราย และยังมีอีก 14 รายโดนกองกำลังฮามาสจับเป็นตัวประกัน ซึ่งน่าเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง หลังสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า "อาบุ โอไบดา" โฆษกของหน่วยคัสซัม ซึ่งเป็นหน่วยรบของ "กลุ่มฮามาส" หรือองค์กรการเมืองติดอาวุธของชาวปาเลสไตน์ ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเสียง ว่า จะทำการสังหารตัวประกันชาวอิสราเอล จำนวน 1 คน ต่อทุกๆ การโจมตีจากอิสราเอล 1 ครั้ง ในพื้นที่บริเวณฉนวนกาซา ...*...

"การสังหารตัวประกันนั้น ก็เพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลเปิดฉากถล่มในพื้นที่พลเรือนในฉนวนกาซาอย่างต่อเนื่อง และทำให้มีพลเรือนปาเลสไตน์เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก เราขอประกาศว่า การโจมตีของอิสราเอลที่พุ่งเป้าประชาชนของเรา โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าแต่ละครั้งนั้น จะต้องเผชิญหน้ากับการประหารตัวประกันที่เราจับตัวไว้ทุก ๆ 1 คน" สำนักข่าวต่างประเทศอ้างคำประกาศของโฆษกหน่วยรบกลุ่มฮามาส ...*...

เมื่อมีชะตากรรมของคนไทยที่ถูกกองกำลังฮามาสจับเป็นตัวประกันเข้ามาเกี่ยวข้อง เพราะไม่มีหลักประกันอะไรให้มั่นใจว่าจะไม่กลายเป็นเหยื่อถูกประหารด้วย จึงไม่แปลกที่จะมีการวิพากษ์วิจารณ์ และการแสดงความเป็นกังวลกับท่าทีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ได้ทวิตต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อิสราเอล และตามมาด้วยการเผยแพร่ข่าวผ่านเว็บไซต์รัฐบาลไทยถึงถ้อยแถลงของนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่ว่า “นายกรัฐมนตรีประณามว่าเป็นการโจมตีที่ไร้มนุษยธรรม และแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อรัฐบาล และประชาชนอิสราเอล โดยขอร่วมกับประชาชนประณามการกระทำดังกล่าว” ...*...

ขณะที่มีการแชร์โพสต์ของนายภัทร เหมสุข นักวิชาการอิสระที่ได้แสดงความเห็นติติงการแสดงจุดยืนของนายกฯสะพัดไปทั่วโลกโซเชียล ...*...

“เรื่องแบบนี้เราควรแสดงท่าที่ที่กลางกว่านี้ก็ได้ ตัวอย่างเช่น "ผมไม่เห็นด้วยในการใช้ความรุนแรง" หรือ "ขอให้ทั้งสองฝ่ายยุติปัญหาโดยเร็ว" บลา บลา บลา อะไรก็ได้ไม่ใช่ออกมาก็กล่าวประณามเลย ผมก็ไม่ทราบว่าได้อ่านแถลงการณ์ของประเทศซาอุดิอาระเบียแล้วหรือยัง ถ้ายังไม่อ่าน ก็ไปหาอ่านเสียก่อน เพราะเป็นที่รู้กันทั้งโลกว่าปัญหาของปาเลสไตน์นั้นซาอุดิอาระเบียยืนอยู่ข้างไหน ในเรื่องนี้ซาอุดิอาระเบียยังพูดอะไรที่เป็นกลางมากกว่าที่นายกฯของเราพูดบนโซเชียลเสียอีก เราเพิ่งฟื้นฟูความสัมพันธ์กับซาอุดิอาระเบียได้ไม่นาน จากโกรธกันถึงขั้นถอนทูตออกไปจนเราสามารถสร้างความสัมพันธ์กันได้อีกครั้งต้องใช้เวลากี่สิบปี เราควรไม่เลือกข้างยืนแบบชัดแจ้งจนเกินไปนัก ยิ่งไปกล่าวประณามใครที่ไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของชาติ และเป็นการเลือกข้างยิ่งไม่ควรทำ เราเป็นกลางในปัญหาทะเลจีนใต้มาสิบกว่าปี เป็นกลางในปัญหาของรัสเซียยูเครน เราเบี้ยวงดออกเสียหลายครั้ง เราเป็นกลางทางการทูตต่อปัญหาขัดแย้งของประเทศต่างๆ แบบนี้มาหลายสิบปี ตั้งแต่เราเลิกเดินตามก้นสหรัฐออกไปรบที่เกาหลีและเวียดนาม การทูตของเราเข้มแข็งมากที่จะรักษาความเป็นกลางเอาไว้ตลอดเวลา แต่ไม่ใช่การพูดไม่กี่คำบนโซเชียลที่ทำให้กระทรวงต่างประเทศของเราทำงานลำบากขึ้น” ...*...

นับเป็นอีกหนึ่งบทเรียนของนายเศรษฐาที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการใช้สื่อโซเชียลที่ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดผลเสียแก่นายเศรษฐาเอง หากแต่ยังบานปลายมาถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติด้วย ...*...

ที่มา:เจ้าพระยา (12/10/66)