เมื่อวันที่ 12 ต.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำโรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC" ระบุว่า...
ผู้ป่วยชายอายุ 75 ปี ปกติแข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัว ฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาแล้ว 2 เข็ม กินยาไอเวอร์เมคติน (ivermectin) ขนาด 6 มิลลิกรัม 1 เม็ด สัปดาห์ละครั้ง ติดต่อกันมากกว่า 2 ปี เพื่อป้องกันโรคโควิด-19
วันที่ 23 สิงหาคม 2566 หลังเดินทางกลับจากปักกิ่ง ประเทศจีน เริ่มไอ เจ็บคอ เสียงหายไป ตรวจ ATK บวก กินยาไอเวอร์เมคติน (ivermectin) 2 เม็ด วันละ 1 ครั้งติดต่อกัน 4 วัน เพื่อรักษาโรคโควิด แต่อาการไม่ดีขึ้น จึงเริ่มกินยาโมลนูพิราเวียร์วันที่ 28 สิงหาคม กินต่อเนื่องจนครบ 5 วัน มาตรวจวันที่ 4 กันยายน 12 วันหลังจากทราบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด เพราะยังมีไอ ไม่มีไข้ ไม่เหนื่อย
ตรวจร่างกายอุณหภูมิ 36.6 องศาเซลเซียส ระดับออกซิเจน 98% ฟังปอดปกติ เอกซเรย์ปอดมีฝ้าขาวกลางปอดข้างซ้ายและปอดขวาด้านล่าง (ดูรูป)
เจาะเลือดเม็ดเลือดขาวปกติ ส่งเลือดเพาะเชื้อ ไม่พบเชื้อแบคทีเรีย
วินิจฉัย : ปอดอักเสบจากการติดเชื้อไวรัสโควิด สาเหตุจากกินยาต้านไวรัสโมลนูพิราเวียร์ช้าไป
ได้ให้ยาเสตียรอยด์ชนิดกิน เพื่อลดการอักเสบ และให้ยาปฏิชีวนะกลับไปกินที่บ้าน
ติดตาม 1 สัปดาห์ อาการไอดีขึ้น ไม่มีไข้ ไม่ไอ ไม่เหนื่อยแล้ว
เอกซเรย์ปอดฝ้าขาวลดลง (ดูรูป) 1 เดือนถัดมา หยุดกินยาทุกอย่าง ไม่ไอ ไม่เหนื่อย แข็งแรงเหมือนเดิม เอกซเรย์ปอดเกือบปกติ (ดูรูป)
ปัจจุบันมีข้อมูลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มากเพียงพอแล้วว่า ไอเวอร์เมคติน (ivermectin) ไม่ได้ช่วยป้องกันและรักษาโรคโควิด-19
ไอเวอร์เมคติน (ivermectin) ใช้รักษาโรคพยาธิเท่านั้น
ขอให้คนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนไวรัสโควิดปีนี้ ไปรับวัคซีนรุ่นใหม่ mRNA 1 เข็มและต่อไปปีละ 1 ครั้งฉีดวัคซีนเพื่อลดการป่วยหนักและเสียชีวิต ไม่ได้ฉีดเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ถ้าติดเชื้อไวรัสโควิด อย่ารอช้า รีบกินยาต้านไวรัสให้เร็วที่สุดภายใน 5 วันแรก