คนไทยในอิสราเอลเสียชีวิตเพิ่มรวม 20 ราย ถูกจับเป็นตัวประกัน 14 คน ยอดขอกลับไทยทะลุ 5 พัน ขณะที่กองทัพอิสราเอลเข้าช่วยเหลือชาวไทย 14 คน และชาวอิสราเอล 16 คน หลังสูญหายไปตั้งแต่กลุ่มฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

 เมื่อวันที่ 11 ต.ค.66 นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวสถานการณ์ในอิสราเอลหลังถูกกลุ่มฮามาสบุกโจมตี ว่า แรงงานไทยในพื้นที่ที่เห็นเหตุการณ์แจ้งว่าแรงงานไทยเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 2 ราย (ข้อมูล10 ต.ค.66) รวมเป็น 20 ราย รอการยืนยันจากทางการอิสราเอล สถานทูตไทยในกรุงเทลอาวีฟ ได้รับรายงานผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้นอีก 4 คน รวมเป็น 13 คน โดย น.ส.พรรณนภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้ไปเยี่ยมคนไทยที่ถูกยิงและรักษาอาการอยู่ในโรงพยาบาล ใกล้กรุงเทลอาวีฟ ได้คุยกับหมอ ผู้ที่ถูกจับไปเพิ่มขึ้นอีก 3 คน รวมเป็น 14 คน รายงานระบุว่า กลุ่มฮามาสจับประชาชนหลายประเทศ 150 คน มีการคาดการณ์กันว่าเมื่อจับไปและกระจายอยู่ในสถานที่ต่างๆ ความปลอดภัยไม่สามารถยืนยันได้ การช่วยเหลือเพิ่มเติมจากพื้นที่เสี่ยง ได้ช่วยเหลือเพิ่มอีก 14 คน จากการช่วยเหลือก่อนหน้านี้

 การเดินทางไปเยี่ยมกลุ่มแรงงานไทยจำนวน 46 คน ซึ่งได้อพยพออกมาจากพื้นที่เสี่ยงใกล้ฉนวนกาซา ที่ศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อมทั้งชี้แจงเรื่องการเตรียม เครื่องบินอพยพคนไทยในรอบต่อไปคือ วันที่ 15 ต.ค.66 และ 18 ต.ค.66 ขอรายชื่อคนที่จะเดินทาง และไม่ต้องห่วงเรื่องพาสปอร์ต กระทรวงการต่างประเทศจะออกเอกสารให้ การอพยพคนไทยวันนี้รอบแรก 15 คน เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิเวลา 10.35 น. ทำให้เช้าพรุ่งนี้กระทรวงการต่างประเทศจะไม่มีการแถลงข่าว จะมีการแถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์ในตอนบ่าย


 สำหรับคนไทยลงทะเบียนขอเดินทางกลับเพิ่มขึ้นตัวเลขอยู่ที่ 5,019 คน ไม่ประสงค์เดินทางกลับ 61 คน จากคนไทยอยู่ที่อิสราเอลประมาณ 30,000 คน ไม่สามารถกรอบเวลาในการเดินทางกลับได้ มั่นใจ พยายามทำอย่างเร็วที่สุด การอพยพคนไทยต่างจากประเทศต่างๆในยุโรป เนื่องจากคนในยุโรปที่มีการอพยพเรียบร้อยแล้ว ไม่ได้เป็นแรงงาน ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงสู้รบเช่น เป็นนักท่องเที่ยว เป็นพลเรือน อยู่ใกล้กรุงเทลอาวีฟ รวมพลได้ง่าย ไม่ใช่คนที่ต้องฝ่าพื้นที่เข้าไปในพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย เรื่องนี้ได้คุยกับอิสราเอลในการอพยพคนเป็นกลุ่มก้อน ขอให้อพยพออกมาในพื้นที่ที่ปลอดภัยก่อน ไทยกังวลการเข้าไปช่วยเหลือช้า ทางการอิสราเอล เสียใจ แต่ขอให้เข้าใจถึงข้อจำกัดในการช่วยเหลือ หากสถานการณ์สู้รบรุนแรงจนอาจปิดน่านฟ้า มีการคุยกันเรื่องการอพยพทางเรือ แต่ในขณะนี้การอพยพทางเรือ มองว่ายังเป็นพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย สหประชาชาติพยายามไกล่เกลี่ย อยากให้สถานการณ์ดีขึ้น และทุกประเทศมีความพยายามดำเนินการเพื่อยุติความรุนแรง

     นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวภายหลังมีคำสั่งให้ทางจังหวัดไปสำรวจผลกระทบครอบครัวแรงงานซึ่งติดอยู่ในสภาวะสงครามตะวันออกกลาง พร้อมหาทางเยียวยาช่วยเหลือโดยเร็ว ว่า ได้ติดตามความคืบหน้าการปฏิบัติงานของทีมกระทรวงมหาดไทยตลอด พบว่าหลายครอบครัว มีบุคลากรของกระทรวงเข้าไปดูแลแล้ว และหลายครอบครัว เราได้ทราบข่าวดีว่าคนในครอบครัวปลอดภัย และฝากขอบคุณทางกระทรวงมหาดไทยกลับมาด้วย ที่ลงพื้นที่มาสอบถาม รับฟังปัญหา และเสนอแนวทางแก้ไข ถือเป็นกำลังใจให้คนทำงาน งานตรงนี้ คือ การบำบัดทุกข์ บำรุงสุขของประชาชน เป็นหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทย ขอขอบคุณบุคลากรของกระทรวงมหาดไทย ในทุกระดับ ซึ่งล้วนทำงานกันอย่างเต็มที่ 

     นายอนุทิน ยังได้ส่งข้อความผ่านทางไลน์ ไปยังกลุ่มผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังกวัดทั่วประเทศว่า ฝากท่านผู้ว่าราชการจังหวัดได้กรุณาสำรวจว่า ในพื้นที่ของท่านมีแรงงานที่ไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลจำนวนเท่าใด ได้รับผลกระทบจากการสูญเสียรายได้ที่พวกคนงานเหล่านี้จะต้องส่งกลับมาให้ทุกเดือนหรือไม่ หากมีผลกระทบขอให้พิจารณาให้การช่วยเหลือครอบครัวที่อยู่ในประเทศไทยตามสมควรด้วยครับ หากมีปัญหาใดที่ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ กรุณารายงานมายังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมาไทยด้วยครับ ขอบพระคุณครับ

       แรงงานไทย 25,000 คน ติดอยู่ที่นั่น หมายความว่ามี 25,000 ครัวเรือนในไทยอาจได้รับผลกระทบครับ ครอบครัวที่เมืองไทยขาดรายได้ทันทีเป็นแสนคน มหาดไทยจะดูแลคนเหล่านี้อย่างไร ในสถานการณ์ที่อาจยืดเยื้อเป็นระยะเวลาหลายเดือน เท่าที่สอบถามมา คนเหล่านี้ใช้เงินไปเยอะ สำหรับโอกาสการไปทำงาน จึงสมัครใจไม่กลับมาเมืองไทยเพราะต้องอยู่ที่นั่นเพื่อสร้างรายได้ต่อไป ผมจึงอยากให้ มท. ได้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในส่วนที่เราทำได้ อย่างน้อยก็เป็นการทำให้แรงงานไทยที่อยู่ที่นั่นไม่ต้องห่วงทางบ้านมากเกินไปครับ

 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ต.ค.66 กองทัพอิสราเอลเข้าช่วยเหลือกลุ่มคนจำนวน 30 คน ซึ่งประกอบด้วยชาวอิสราเอล 16 คน และชาวไทย 14 คน ที่คิบบุตซ์ ไอน์ ฮาชโลชา (Kibbutz Ein Hashlosha) ทางตอนใต้ของอิสราเอล หลังสูญหาย นับตั้งแต่เกิดเหตุกองกำลังฮามาสบุกโจมตีอิสราเอสตั้งแต่เมื่อวันเสาร์ 7 ต.ค. ที่ผ่านมา

 กองทัพอิสราเอลระบุว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงได้เริ่มปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายทั้ง 30 คน ทันทีที่ได้รับรายงานเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 9 ต.ค. และต่อมาในวันที่ 10 ต.ค. กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ก็สามารถเข้าช่วยเหลือผู้สูญหายได้สำเร็จ หลังหลบซ่อนตัวเป็นเวลา 3 วัน รายงานระบุว่า ผู้สูญหายซึ่งประกอบด้วยชาวอิสราเอลและชาวไทยรวม 30 คน ยังมีชีวิตอยู่ และปลอดภัยดี