"ธปท." เกาะติดสถานการณ์ในอิสราเอล หวั่นยืดเยื้อดันน้ำมันแพง ปีนี้มีโอกาสแตะ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยว่า ประเมินความกังวลเหตุการณ์สู้รบในประเทศอิสราเอลของกลุ่มฮามาส ซึ่งยอมรับว่าเป็นเรื่องคาดเดาไม่ง่าย เพราะประเทศในตะวันออกกลางเป็นถิ่นที่มีประวัติศาสตร์มาก ซึ่งความเป็นห่วงคือถ้าสงครามทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นสูงสักระยะ จะทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่า และเงินบาทอ่อนค่า ส่งผลให้ต้นทุนการนำเข้าพลังงานสูงขึ้น และอาจไปเพิ่มภาระกองทุนน้ำมันฯ และเพิ่มภาระการคลัง รวมทั้งราคาในประเทศปรับขึ้น
นายสุรัช แทนบุญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า ประเมินผลกระทบของสถานการณ์ในอิสราเอล ถ้าหากไม่บานปลายจะส่งผลกระทบราคาน้ำมันทำให้สูงขึ้นได้ ซึ่งยังเป็นเรื่องต้องติดตามใกล้ชิด โดยธปท.คาดราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในปีนี้จะอยู่ที่ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในส่วนปี 2567 ราคาน้ำมันดิบจะอยู่ที่ 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งผลราคาน้ำมันจากสงครามอิสราเอลต้องติดตาม จากก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันลงเยอะอาจมาจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด
นายวชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส สายงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่กลุ่มฮามาสบุกโจมตีอิสราเอลจนทำให้มีผู้เสียชีวิต ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับสูงขึ้นมาบ้าง แต่ยังต่ำกว่าจุดสูงสุดเมื่อเดือนก่อน โดยในระยะต่อไปมองว่า สงครามน่าจะไม่ทวีรุนแรงขึ้นมาก และไม่น่าจะลุกลามไปสู่ประเทศอื่นในภูมิภาค เช่น อิหร่าน หรือซาอุดิอาราเบีย จนกระทบต่อการผลิตและส่งออกน้ำมันดิบ ราคาน้ำมันจึงน่าจะไม่เพิ่มขึ้นอีกเร็วนัก
อย่างไรก็ตามหากเหตุการณ์ความไม่สงบนี้อาจส่งผลให้โอกาสที่ซาอุดิอาราเบียจะเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในระยะต่อไปเกิดได้ช้าลง จึงอาจเป็นสาเหตุให้ราคาน้ำมันโลกอาจอยู่ในระดับสูง 85-95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ไปจนถึงไตรมาสแรกปีหน้าได้ความกังวลต่อสถานการณ์ความรุนแรง ทำให้ราคาสินทรัพย์ปลอดภัยปรับสูงขึ้น โดยราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งจากปัจจัยเรื่องถือสินทรัพย์ปลอดภัย และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯที่ปรับลดลง