หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขายข่าวขายความจริงให้ประชาชนคนไทยได้อ่านมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประเทศไทยฉบับนี้ ประจำวันพุธที่ 11ตุลาคม พ.ศ.2566 นายกฯมือใหม่หัดขับ ...*...
“บิ๊กเซอร์ไพร้ส” ที่ ช็อกโลก คือ กองกำลังฮามาส ที่ปัจจุบัน เป็นผู้นำการปกครองปาเลสไตน์ เป็นฝ่าย เปิดฉากทำสงคราม ด้วยการ ยิงจรวดโจมตีทางอากาศ เข้าถล่ม ยิวอิสราเอล แล้วตามด้วย นักรบฮามาสภาคพื้นดิน บุกเข้าซ้ำเติม ใช้อาวุธปืนยิงประชาชนไม่เลือกหน้า ทำให้ มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน และ จับตัวเป็นๆไปเป็นตัวประกันหลายร้อยคน ในจำนวนนี้ มีคนไทย โดนยิง ตายไปแล้ว 18 ศพ และ ถูกจับไปเป็นตัวประกันอีกมากว่า 12 คน เมื่อเช้าตรู่ตามเวลาอิสราเอล ตรงกับช่วงสายๆ สิบโมงเช้า ตามเวลาประเทศไทย ของวันเสาร์ที่ผ่านมา ...*...
เคยเป็นแต่ฝ่ายบุก เปิดฉากทำสงครามก่อน ครั้งนี้ถูกย้อนศร โดนบุกโจมตีบ้าง เล่นเอา นายเนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล โกรธจนตัวสั่น ประกาศลั่น รวบรวมกำลังทหารได้กว่า 3 แสนนาย ภายในเวลาไม่ทันข้ามวัน ประกาศสงคราม แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด จะกวาดล้างกองกำลังฮามาสให้หมดสิ้นซาก ...*...
ฉากสงคราม ฮามาสปาเลสไตน์ เปิดฉากถล่ม ยิวอิสราเอล แม้ จะถูกตอบโต้อย่างรุนแรง แต่ คงไม่สงบจบลงอย่างง่ายๆ ยังมีคนตายคนเจ็บอีกเยอะ บารอน ก็ยังเชื่อกูรูนักวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศว่า เป็นสงครามกำจัดพื้นที่ เฉกเช่นเดียวกันกับ สงครามรัสเซีย กับ ยูเครน ไม่น่าจะบานปลาย กลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ไปได้ ...*...
ฝ่ายตะวันตก ตั้งแต่ สหรัฐอเมริกา ไล่มาถึง แคนาดา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน แม้ จะยืนอยู่ข้างยิวอิสราเอล อย่างเก่งที่ทำได้ ก็แค่ประณามฮามาสปาเลสไตน์ ว่า เป็นการกระทำโหดเหี้ยมไร้มนุษยธรรม เพราะ ยิงกราดประชาชนไม่เลือกหน้า พวกประเทศตะวันตก เป็นประเทศมีแฮนดิแคป จัดอยู่ในหมู่ ประเทศมหาอำนาจ จะวางก้ามอย่างไรก็ได้ ...*...
แต่คง ไม่ใช่ประเทศไทย ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนเขา ท่านนายกฯเศรษฐา ทวีสิน คงไม่ทันคิดให้สิ้นขบวนความ ไปประณามการโจมตีอิสราเอล ขณะเยือนฮ่องกง ร้อนถึง “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่รักษาการนายกฯ ต้องออกมาเปลี่ยนหน้าปกใหม่ ประเทศไทยวางตัวเป็นกลาง ไม่ได้เอนเอียงอยู่ข้างไหน เป็นนายกฯมือใหม่หัดขับ ทีหน้าที่หลัง ปากอย่าไวนะครับ ...*...
หรือจะเป็นเพราะ รัฐบาลเศรษฐา 1 ไม่เห็นความสำคัญของ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ทั้งๆที่ พรรคเพื่อไทยมีนักกฎหมายเก่งๆระดับประเทศหลายคน อาทิเช่น นายชัยเกษม นิติสิริ หนึ่งในแคนดิเดทนายกฯเพื่อไทย และ ดร.ชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถึงไม่มีรองนายกฯฝ่ายกฎหมาย ทำให้ขายหน้าแล้วขายหน้าอีก ที่ฉีกหน้าเต็มๆ แบบหมอไม่รับเย็บ คือ การแต่งตั้ง สส.ไปเป็นคณะกรรมการศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปล่อยไก่ตัวเบอเริ่ม ขัดรัฐธรรมนูญครับ สุดท้าย ต้องประกาศแก้ไขใหม่ แต่งตั้งคนใหม่เข้าไปแทน ...*...
ไปไหนมา สามวาสองศอก คือการออกมาแถลงด่วนของ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยคลัง เรื่องนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ให้กับ ประชาชนทุกคนตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป ที่มีประมาณ 56 ล้านคน ต้องใช้เงินประชานิยมก้อนโตที่สุดเท่าที่เคยมีในประเทศไทย 560,000 ล้านบาท ไม่มีรายละเอียดใดๆทั้งสิ้น แค่จะบอกว่าจะมีการประชุมอีกสองครั้ง เพื่อ นำเสนอที่ประชุมใหญ่ ที่มี นายเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะรัฐมนตรีคลัง นั่งเป็นประธานการประชุม ใน วันอังคารที่ 24 นี้ พิโธ่ ...*...
ที่นี่ บารอน ได้ข่าวมาใหม่ เงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท จะไม่มีการแจกเงินเป็นสกุลเงินบิตคอยน์ใดๆ จะเป็นการแจกเป็นคูปอง 10,000 บาท เหมือนกับ เราเอาเงินสดไปแลกคูปองซื้ออาหารรับประทานตามห้าง เพียงแต่ครั้งนี้ รัฐบาลซื้อคูปองให้เรา ด้วยการ รัฐบาลเป็นผู้ประกันคูปองให้เรา ...*...
โดย คูปองอยู่ในระบบดิจิทัล เมื่อ เรานำไปใช้ซื้อของในร้านค้าที่มีระบบภาษี ที่ รัฐบาลเชื่อว่าจะได้ภาษีแวตหลายรอบจากการซื้อขาย หรือ มีการประเมินไว้ว่า 4-5 รอบ ประมาณสองแสนกว่าล้าน ในส่วนที่ ขาดอีกสามแสนล้านบาท รัฐบาลเพื่อไทย จะไปตั้งในงบประมาณปีหน้า มิน่า ถึงได้กำหนดแจกในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ปีหน้า ...*...
ข่าวนี้ บารอน ส่งตรงถึง “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ด้วยความห่วงใย ที่ไปให้สัมภาษณ์ ว่า ให้ตำรวจจราจรออกใบสั่งทางไปรษณีย์ได้ต่อไป แม้ ศาลปกครองกลาง จะวินิจฉัยว่า ใบสั่งจราจรทางไปรษณีย์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ สตช.ระงับการออกใบสั่งทางไปรษณีย์ จนกว่า ศาลจะเปลี่ยนแปลงคำสั่ง ขอได้โปรดอย่าหาทำเด็ดขาด ดีไม่ดีตำรวจจะถูกข้อหาละเมิดอำนาจศาลเอาได้ครับ ...*...
ที่ บิ๊กโจ๊ก บอกว่า สตช.ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด แล้วก็เหอะ สตช.ก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองกลาง ที่ ให้ระงับการออกไปสั่งทางไปรษณีย์ จนกว่าศาลจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง ...*...
อะไรไม่ว่า หาก ศาลปกครองสูงสุดยืนตามศาลปกครองกลาง ที่ ไม่เพียงแต่ระบุว่าไม่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ยังมีความเห็น ให้มีผลย้อนหลังไปถึงปี 2563 ซึ่ง เท่ากับ 3-4 ปีที่ผ่านมา มีตัวเลขระบุว่า ประชาชนได้เสียค่าปรับตามใบสั่งทางไปรษณีย์มีประมาณ 90 % ไปแล้วนั้น สตช.ต้องคืนค่าปรับให้กับประชาชนที่เสียค่าไปแล้วทุกคน
ที่มา:บารอน (11/10/66)