เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 11 ต.ค.2566 ที่ทําเนียบรัฐบาล นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุญาตให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผลัดเวียนกันเข้าห้องประชุม ครม. โดยให้เหตุผลว่าห้องประชุมแคบ และคนที่ไม่ได้เข้าไปให้สอบถามผู้เกี่ยวข้องก่อนการแถลงข่าวว่า เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ตนไม่ได้เข้าห้องประชุม ครม. โดยเมื่อวันที่ 9 ต.ค.ตนได้ไปพบนางรัดเกล้า สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จึงได้รับข้อความจากนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าผู้บริหารได้ให้รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเวียนเข้าห้องประชุม ครม.
นายคารม กล่าวว่า ขณะที่โฆษกประจำสำนักรัฐมนตรีสามารถเข้าได้ทุกครั้ง จึงเป็นเหตุให้ตนไม่ได้เข้าห้องประชุม ซึ่งส่วนตัวไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่เนื่องจากมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธปืน ที่กระทรวงมหาดไทยรายงานต่อ ครม.ให้รับทราบ ซึ่งตนทราบจากมติ แม้ตนไม่มีข้อขัดข้องในการเข้าประชุม แต่จะเป็นเรื่องยากที่จะต้องต่อประเด็นว่าจะชี้แจงอย่างไรหากมีสื่อมวลชนมาถาม เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ตนจึงหลีกเลี่ยงไม่พูดอะไรเลย
นายคารม กล่าวว่า ส่วนเหตุผลอื่นที่ไม่ให้รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าประชุม ครม.นั้น ตนไม่ทราบ ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่า สถานที่คับแคบจึงไม่ให้เข้า เรื่องนั้นตนไม่ทราบ และไม่ได้เป็นคนให้ข่าวแต่ที่ทราบคือเป็นนโยบายของฝ่ายบริหาร และไม่ใช่โฆษกรัฐบาล แต่อาจจะสูงกว่าโฆษกรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ตนไม่แน่ใจว่ามีระเบียบการเข้าประชุม ครม.อย่างไร เพราะเพิ่งเข้ามารับหน้าที่
ผู้สื่อข่าวถามยํ้าว่า ผู้บริหารคนไหนเป็นผู้สั่งการเรื่องนี้ นายคารม กล่าวว่า ตนไม่แน่ใจ เพราะโฆษกรัฐบาลบอกว่าเป็นนโยบายของผู้บริหาร
เมื่อถามว่า ในฐานะรองโฆษกรัฐบาล ติดใจหรือไม่ที่ไม่ได้เข้าห้องประชุม ครม. เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ นายคารม กล่าวว่า ตนไม่มีปัญหา ผู้บริหารว่าอย่างไรก็อย่างนั้น เป็นเรื่องของผู้บริหาร
เมื่อถามว่า ในอนาคตมีเรื่องจากพรรคภูมิใจไทย ที่นำเสนอต่อที่ประชุม ครม. และรองโฆษกฯ โควต้าของพรรคภูมิใจไทยไม่ได้เข้าประชุม จะกระทบต่อการชี้แจงหรือไม่ นายคารม กล่าวว่า อาจจะไม่ได้ยินประเด็นด้วยตัวเอง ก็ต้องมาตามประเด็นหลังจาก ครม.มีมติแล้วด้วยการอ่านเอกสาร อย่างเมื่อวันที่ 10 ต.ค. ตนก็มาอ่านเรื่องการควบคุมอาวุธปืนผ่านเอกสารการประชุม ครม.ในภายหลัง ถ้าพรรคภูมิใจไทยเสนอเรื่องเข้ามาแล้วตนไม่ได้เข้าประชุม ครม. ก็ยอมรับว่ากังวลในการชี้แจง เพราะการเป็นรองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี ก็เปรียบเสมือนเป็นโฆษกของพรรคร่วมรัฐบาล ที่จะต้องชี้แจง 4 กระทรวงที่พรรคภูมิใจไทยรับผิดชอบ สื่อสารให้ประชาชนเกิดความเข้าใจ ดังนั้นอาจมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร แต่ไม่ได้ติดใจเรื่องไม่ได้เข้าประชุม
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยไม่ไว้ใจรองโฆษกฯ จากพรรคร่วมรัฐบาล เพราะกลัวข้อมูลรั่วไหลหรือไม่ นายคารม กล่าวว่า ไม่น่ามีประเด็นนี้
เมื่อถามว่า จะมีการเสนอให้ทบทวนนโยบายการเวียนเข้าประชุมของรองโฆษกฯ หรือไม่ นายคารมกล่าวว่า ตนไม่ขอแสดงความเห็นในเรื่องนี้ แล้วแต่ผู้บริหาร เพราะพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ที่ผู้บริหารจะมีแนวทางอย่างไร
“รัฐบาลผสมเหมือนรุ้งกินน้ำ มีหลายสี ถ้าเรามองไปที่รุ้ง หลายสีก็สวยงาม แต่เมื่อมองลงไปให้ลึกมันก็มีหลายสี ถือไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร” นายคารม กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า พรรคภูมิใจไทยมีเสียงเป็นอันดับ 2 ในรัฐบาล จะไม่มีการท้วงติงเลยหรือ นายคารม กล่าวว่า คิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นประเด็นใหญ่มาก แต่ต้องดูว่าการทำงานจะราบรื่นหรือไม่ และคิดว่าต่อไปอาจจะเกิดปัญหาหากรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมีทั้งหมด 3 คนจาก 3 พรรค ได้แก่ พรรคภูมิใจไทยพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคพลังประชารัฐ ก็จะทำให้รองโฆษกฯ เมื่อทำหน้าที่แล้วจะเว้นช่วงไปอีก3 สัปดาห์ ถึงจะได้เข้าประชุม ครม.อีกครั้ง ก็จะทำให้มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร หากในสัปดาห์ที่ตนไม่ได้เข้า แต่ปรากฏว่ามีการสอบถามเรื่องใน ครม. ตนก็จะตอบคำถามยาก เพราะสุ่มเสี่ยง และในบางครั้งเมื่อเราไม่ได้เข้าประชุม ครม. ก็จะไม่ได้ยินเรื่องต่างๆ ในที่ประชุมเอง ก็ต้องระมัดระวัง เพราะหากสื่อสารไม่ตรงก็จะกลายเป็นเรื่องอันตราย
เมื่อถามว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้รับทราบเรื่องนี้แล้วหรือยัง นายคารม กล่าวว่า ตนได้เรียนไปแล้วก่อนการประชุม ครม. ว่าตนไม่ได้เข้าประชุม ซึ่งนายอนุทินก็รับทราบ พร้อมถามความเห็นตน ตนก็เรียนว่าให้เป็นไปตามนโยบายของผู้บริหาร