วันที่ 10 ตุลาคม 2566 นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีและร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างกรุงเทพมหานคร กับ TikTok เพื่อร่วมขับเคลื่อนกรุงเทพฯ เป็น Smart City อย่างยั่งยืน ณ ห้องบางกอก ชั้น B2 อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกทม.ดินแดง

นายชัชชาติ กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าสิ่งสำคัญในการเปลี่ยนเมืองด้านคน ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านเศรษฐกิจ ประกอบด้วย 1.การทำให้คนเห็นแก่ส่วนรวม ซึ่งการออกกฎต่าง ๆ ของกทม.สามารถทำได้ แต่เป็นการยากที่จะนำมาบังคับใช้ สิ่งที่จะทำให้เมืองดีขึ้นได้คือการให้คนมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา และเห็นแก่ส่วนรวมมากขึ้น เพื่อทำกทม.ให้ดี ซึ่งการเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมไม่สามารถใช้กฎต่าง ๆ มาควบคุมได้ เพราะเป็นการบังคับ เชื่อว่าแนวทางหนึ่งที่จะทำให้คนมีความรับผิดชอบแก่ส่วนรวม ช่องทางของ TikTok สามารถช่วยได้ เพื่อสื่อสารและปรับพฤติกรรมคนให้ดีขึ้น 

2.ช่องทาง TikTok สามารถช่วยช่วยคนเล็ก ๆ ได้ ซึ่งหลังสถานการณ์โควิด-19 โลกเปลี่ยนไป คนจะสนใจที่คุณภาพสินค้า ไม่ใช่แบรนด์ใหญ่ หากสามารถสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจได้ การค้าขายจะดีกว่าแบรนด์ใหญ่ โดยเฉพาะตลาดโบ๊เบ๊ คือตลาดแห่งหนึ่งที่มีข้อจำกัด เช่น มีการควบคุม มีเวลาเปิดปิด ขยายพื้นที่และลูกค้ายาก และไม่มีเสียงตอบรับถึงข้อดีข้อเสีย ซึ่งการนำร้านค้าย่านตลาดโบ๊เบ๊มาขายในช่องทาง TikTok สามารถลดข้อจำกัดดังกล่าวได้ ปัจจุบันพฤติกรรมผู้ซื้อเปลี่ยนไปซื้อของออนไลน์มากขึ้น ผู้ค้าจึงต้องมีการปรับตัว โดยความร่วมมือกับ TikTok ในครั้งนี้ เชื่อว่ามีประโยชน์กับประชาชนและจะมีการพัฒนาต่อไป 

"หัวใจของ Smart City คือการใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้เมือง กทม.มีนโยบายต่าง ๆ มากมาย แต่การสื่อสารให้ถึงประชาชน รวมถึง การนำเทคโนโลยีมาใช้เป็นสิ่งสำคัญ TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่มีคนใช้เป็นจำนวนมาก และสามารถสื่อสารได้หลากหลาย เช่น พฤติกรรมที่เห็นแก่ส่วนรวม การแยกขยะเรื่องสิ่งแวดล้อม การศึกษา หรือการค้าขายช่วยเหลือพ่อค้าแม่ค้าที่อยู่ในระดับ SME ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างในการขับเคลื่อนงานของกทม.ที่ทำให้เห็นว่าเราไม่สามารถทำเองได้ ต้องมีหลายภาคส่วนทั้งภาคเอกชน ภาควิชาการ และภาคประชาชน ร่วมมือกัน" นายชัชชาติ กล่าว